กล้าที่จะถูกเกลียด - Fumitake Koga and Ichiro Kishimi

ชื่อหนังสือโคตรไม่น่าอ่าน

กล้าที่จะถูกเกลียด - Fumitake Koga and Ichiro Kishimi

ตอนสั่งหนังสือเล่มนี้นี่ลังเลมากเพราะชื่อปกมันชวนไม่น่าซื้อมาก ประมาณว่าเฮ้ยจะให้เรากลายเป็นคนไม่ใส่ใจคนอื่นเหรอ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อมาเพราะอยากลองดูว่ามันจะกล้าแบบไหนถึงจะยอมรับการโดนเกลียดได้

แผลใจ อดีต ข้ออ้าง

หนังสือเริ่มเรื่องโดยเล่าถึงชายหนุ่มที่มาพบกับนักปรัชญาเพื่อถกเถียงเกี่ยวกับปรัชญาเรื่องความเรียบง่าย ความสุข การเปลี่ยนแปลงตัวเอง พออ่านไปเรื่อยๆแล้วมันโดนมาก อันนี้ชอบเทคนิคการนำเสนอของหนังสือเล่มนี้มากที่สร้างตัวชายหนุ่มขึ้นมาเป็นตัวแทนของคนอ่าน และนักปรัชญาคือสิ่งที่หนังสืออยากให้เรารู้ ถ้าใครเคยดู “มิลินทปัญหา” ก็แนวนั้นเลย โดยส่วนตัวผมว่าถ้าเอามิลินทปัญหามาสอนแทนเรื่องการขี่ม้าข้ามแม่น้ำ การเกิดแล้วเดินได้ 7 ก้าว หรือเรื่องปาฏิหารย์ต่างๆนี่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ศึกษาพระพุทธศาสนา ผมมาลองคิดๆแล้วผมเรียนพระพุทธศาสนาตั้งแต่ “ป.1 - ม.6” บอกตามตรงว่ารู้เรื่อง“ปาฏิหารย์”ต่างๆนาๆมากกว่าหลักธรรมที่ควรจะเป็นสิ่งทีควรเน้น หรือวิธีการนำเอาหลักธรรมมาปฏิบัติแบบจริงๆจังๆเสียอีก (คนมักเน้นแต่จะนั่งสมาธิคือมันเอามาอย่างอื่นก็ได้มั้งครับ) อ่านไปเรื่อยๆมีการพูดถึงเรื่อง แผลใจ หรือเรื่องในอดีตทีฝังใจ อันนี้โดนมากคือ ตัวชายหนุ่มยกตัวอย่างเรื่องแผลใจว่าคนเราเป็นอย่างนี้เพราะแผลใจนี่แหละ ซึ่งมันตรงกับการปลูกฝังและจิตสำนึกของคนทั่วไป แบบ โดนพ่อแม่กดดันไงเลยเป็นแบบนี้ โดนแบบนั้นแบบนี้เลยเป็นแบบนั้นนี้ แต่เมื่อนักปรัชญาอธิบายแนวคิดของ Alfred Adler ที่ว่าตัวเรานั่นแหละที่เลือกจะเป็นแบบนี้ คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีนี้ ตอนนี้ ไม่เกี่ยวกับอดีตที่เป็นตัวกำหนดปัจจุบันหรืออนาคต

ตอนอ่านครั้งแรกแบบ “นี่ล้มกระดาน ทำลายทุกสิ่งที่เข้าใจหมดเลยนะ” แต่พอลองเอาแนวคิดของเขามาเทียบกับเหตุการณ์จริงๆมันสามารถอธิบายได้ดีเลยนะ ตัวอย่างเช่น คนที่บอกว่าเป็นโรคติดห้องไม่กล้าออกไปไหนเพราะพ่อแม่เคยตี เคยถูกต่อว่า เลยไม่กล้าออกไปไหน คือจริงๆแล้วเขาเลือกที่จะเป็นแบบนั้น เพราะเขาต้องการให้พ่อแม่ของเขาเป็นห่วง ไม่ทำร้ายเขา ทำดีกับเขา ซึ่งถึงแม้เขาจะไม่ได้ออกไปไหนแต่ก็คุ้มกับการที่พ่อแม่เป็นห่วงเขา ใส่ใจเขา หรือเรื่องการที่คนส่วนใหญ่ชอบบอกว่าเปลี่ยนลักษณะการใช้ชีวิตไม่ได้ ชอบบอกว่าเพราะอย่างนั้นอย่างโน้นอย่างงี้ทั้งที่ใจตัวเองอยากเป็นใจจะขาด ทั้งหมดนั้นมันแค่ข้ออ้าง จริงๆคุณไม่อยากจะเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเองเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย คือใช้ชีวิตแบบเก่าคุณรู้ว่ามันต้องเจออะไรบ้าง คุณสามารถจะควบคุมมันได้ แต่ถ้าคุณเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงคุณจะต้องเจออะไรที่ควบคุมไม่ได้ อาจทำให้เสียใจ เสียความรู้สึกต่างๆนาๆ คุณเลยไม่กล้าที่จะเปลี่ยน พอไม่กล้าที่จะเปลี่ยนคุณเลยต้องหาอะไรมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจ

มันคือคำตอบที่เรารู้อยู่แล้ว แค่ไม่กล้ายอมรับมัน

ยิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเหมือนเรากำลังยอมรับสิ่งที่เรารู้อยู่ลึกๆ เช่น การที่เราชอบโทษตัวเอง ไม่มั่นใจ ไม่กล้า จริงๆแล้วมันเป็นกลไกที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นข้ออ้างนั่นเอง จริงๆเรารู้แต่เราเลือกที่จะใช้มันต่อไปเพราะอย่างน้อยมันทำให้สบายใจ สิ่งที่เราต้องการจริงๆไม่ใช่เงินทองอะไรมากมายแต่มันเป็นแค่ที่ที่นึง ที่ที่เราอยู่แล้วรู้สึกว่ามันที่ของเรา ที่ที่เราสามารถสร้างประโยชน์ให้ที่นั่นได้ ที่ที่เราอยู่แล้วรู้สึกมีคุณค่า

อ่านแล้วได้อะไร

อ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนได้เปิดโลก เปิดใจ ยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ และเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น ในหนังสือยังมีอีกหลายส่วนที่จัดว่าเด็ดมากในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรือง ความทุกข์ทั้งหลายเกิดจากความสัมพันธ์ ความรู้สึกต่ำต้อย การอยากเหนือกว่า สังคม และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับใครที่ว่างไม่มีอะไรทำ หรืออยากอ่านหนังสือจิตวิทยาเบื้องต้นก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เลยครับ ราคาประมาณ 240 บาท สุดท้ายแล้ว “เราเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ตอนนี้วินาทีนี้”