คำตอบ

รวมตัวเหล่าโปรแกรมเมอร์

หลังจากเรียนจบปริญญาโทได้ไม่นาน เพื่อนๆสมัยเรียนอุดมศึกษาก็อยากจะนัดเลี้ยงเนื่องในโอกาสเรียนจบ ซึ่งจริงๆอยากมาเจอกันแหละแต่นัดกันยากเหลือเกินมันต้องมีวาระเช่น เรียนจบ งานแต่ง งานบวช งานศพ ถึงจะมาเจอกันได้ มันเลยใช้โอกาสนี้ในการนัดมาเจอกันซึ่งรอบนี้แปลกหน่อยตรงที่จะนัดไปกินข้าวดันนัดไปลานเบียร์ ซึ่งพอถึงวันนัดกว่าจะครบองค์ประชุมได้ก็ล่อไป 3 ทุ่มกว่าๆ

ลิ้นเริ่มพันอะไรก็เกิดขึ้นได้

ระหว่างรอครบองค์ประชุมผมกับเพื่อนๆก็เล่นกันไปหลายแก้ว จนองค์ประชุมเริ่มมาครบก็เริ่มคุยกันแต่รอบนี้เสียงเพลงมันดังเหลือเกินคุยกันต้องตะโกนคุย พอยิ่งกินยิ่งไม่เหมือนเดิม ถามว่ามีสติไหมก็มีนะไม่ได้กินจนไม่รู้เรื่องแบบ Hangover จำไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไรไปบ้างแต่จำได้แม่นก็เรื่องความรัก แต่ละคนก็มีทางของตัวเอง พอคุยไปสักพักนึงก็นึกถึงตัวเอง เฮ้ย “มันยังมีคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบอยู่นี่หว่า” ทำไมไม่ถามให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราววะ คือจริงๆที่เธอ Block ทุกช่องทางการติดต่อที่ผมติดต่อได้นั้น จริงๆหลังจากนั้นสักพักเนี่ย ผมรู้ว่าเธอสมัคร Line ใหม่ ซึ่งจริงๆผมก็แค่ Add ไปแล้วถามให้จบเรื่องจบราว แต่ผมก็ไม่ทำ จริงๆมีช็อตที่ง่ายกว่า Line อีกก็คือ ตอนนั้นมีนัดกินข้าวกันแล้วบังเอิญผมไปเจอกับเธอตัวเป็นๆแต่ก็ไม่กล้าถามกลัวจะไปทำให้เธอไม่สบายใจ ซึ่งตอนนั้นคิดว่าเฮ้ยดีแล้ว แต่ ณ ตอนนั้นที่ลานเบียร์ผมคิดว่า แม่ง “โคตรโง่ โง่บัดซบ” เลยตัดสินใจ Add Line แล้วพิมพ์ถามเลยละกัน ถ้าจะ Block อีกก็ให้มันรู้กันไป ถามว่า “เราสงสัยมานานแล้ว ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ดีรึเปล่า บอกเราได้ไหม” ตอนจะกด Enter ส่งข้อความเนี่ยยังมีชะงักนะว่า เฮ้ยมันจะดีเหรอวะ แต่พอมาคิดไปคิดมา คำตอบนี้มีแต่เธอที่ตอบได้ ถ้าไม่ถามมันก็จะติดอย่างงี้ไปจนวันตายเลยนะโว้ย ก็เลยส่งไป

คำตอบที่รอคอย

หลังจากส่งไปก็พึ่งมาคิดได้ว่า ไอสาด แม่งดึกละเธอคงจะตอบมึงล่ะ แต่คิดไปคิดมา เอ้อเธออยู่ต่างประเทศนี่หว่า โซนเวลาที่โน่นพึ่งตอนเช้า เออ ตอนเช้าก็ดีจะได้ตอบ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่กว่าจะมีคำตอบ แต่คำตอบที่ได้คือ “ล้ำเส้นเพื่อน” ตอนนั้นหัวเราะในใจเลยนะ แบบคำตอบที่ได้มาคือล้ำเส้นเพื่อน ว่าง่ายๆก็อย่างที่เคยโดนประจำคือ “หนูคิดกับพี่ แบบพี่ชาย” หรือ “เราอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ไม่ได้อยากเป็นแฟน” ซึ่งธรรมดามากเวลาเจอ แต่จะมโนเองว่าล้ำเส้นเพื่อนคืออะไรเลยถามว่า “ล้ำเส้นเพื่อนนี่ยังไง” เหมือนเธอก็หายไปนานนะ จนแบบ แม่งโทร Line เลยละกัน โทรไป 2 ทีก็ไม่รับ ตอนนั้นนี่ถึงขั้นจะ Tag เธอใน Facebook แล้วถามเลยว่ายังไงวะ แต่สติก็บอกครับว่า “เฮ้ย มึงก็เหี้ยเกินไปป่าวประกาศถามเธอแบบนั้น” ก็เลยรอคำตอบไป พอไปถึงหอเพื่อนแล้วยังนั่งคุยกันต่ออีกซักพัก เธอก็ตอบกลับมาคล้ายๆเดิม พร้อมบอกว่า “อย่าถามเลยเรื่องมันนานแล้ว” คืออยากจะถามต่อนะ แต่ก็แบบ “อือ มันคงดีที่สุดแล้ว”

แล้วยังเป็นเพื่อนได้ไหม

จากทั้งหมดที่ผ่านมาเธอคงคิดกับผมแค่เพื่อน ผมเลยถามไปว่า “แล้วเรายังเป็นเพื่อนกันได้ไหม” เธอก็ตอบมาสั้นๆว่า “อื้อ” ผมไม่รู้ว่ามันเป็นคำตอบที่ดีไหม แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกันได้อยู่ล่ะนะ จากนั้นก็ถามสารทุกข์สุกดิบนิดหน่อย สุดท้ายผมก็อวยพรเธอเหมือนที่ผมทำทุกครั้ง ซึ่งมันคงจืดชืดสิ้นดี และผมคงคิดว่ามันคงเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมคงจะได้คุยกับเธอแล้ว เพราะเมื่อไม่มีคำถามที่ผมสงสัยอีกแล้ว มันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรให้เพื่อนห่างๆอย่างผมต้องไปคุยกับเธออีก

ขอให้โชคดี

ปลดปล่อยวิญญาณ

พอคุยจบและเห็นว่าเธออ่านสิ่งที่ผมพิมพ์ไปแล้ว มันรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยจากอะไรบางอย่าง จริงๆมันอาจเป็นการปลดปล่อยตัวเองจากคำถามโง่ๆว่า “กูผิดอะไรวะ” ที่ค้างคาใจมานานเหลือเกิน ซึ่งทำให้นึกถึงเพลง “วิญญาณ” ท่อนสุดท้ายที่บอกว่า “คำพูดเธอจะปล่อยฉันไปได้” ซึ่งมันก็จริงเพราะคำตอบของเธอได้ปลดปล่อยผมซึ่งเป็นวิญญาณโง่ๆได้หลุดพ้นจากเรื่องค้างคาใจนี้สักที