ความทรงจำปี 2018

ปี 2018 ที่ผ่านมา

สำหรับปีนี้ก็ถือว่าเป็นอีกปีที่ผ่านมาในชีวิต ถ้าถามว่าชีวิตได้เรียนรู้อะไรเพิ่มไหม ตอนนี้ก็บอกไม่ได้เหมือนกันนะว่าได้เรียนรู้อะไร แต่ปีนี้ก็จะได้ทำอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระ หรือมีสาระ

ทำงานตั้งแต่ปีใหม่

ปีนี้เป็นปีที่ทำงานตั้งแต่วินาทีแรกเลยเพราะต้องดูแลระบบเกี่ยวกับนำเข้าส่งออก ที่แม่งมีการแก้ไขกันตอนปีใหม่ซึ่งต้องนั่งแก้ปัญหากันยันตี 3

ได้ไปดูหนังกับผู้หญิงที่ตัวเองชอบ

ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ไปดูหนังกับผู้หญิงที่ตัวเองชอบ ซึ่งก็ดันไปดูหนังที่ตัวเองไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ไปทำอะไรบ้าๆบอๆไม่เป็นตัวเอง แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆช่วงนึง ได้เห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบในมุมที่ไม่เคยเห็น ผมชอบที่เธอบอกว่า “เรานี่ไงนางเอก” พร้อมทำท่าทางน่ารัก

โดนเทจากผู้หญิงที่ชอบแบบงงๆ

ก็ถือเป็นอีกครั้งที่เจ็บปวดกับเรื่องรัก อยู่ดีๆผู้หญิงที่ชอบก็ Block ทุกช่องทางการติดต่อ หายไปแบบไม่รู้ว่าผิดอะไร เป็นครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะเรื่องนี้มากขนาดนั้น ต้องโทรไปหาเพื่อนผู้หญิงที่รู้จักเพื่อขอคำปรึกษาเลยทีเดียว

จบ ป.โท

ถือว่าเป็นการจบที่เรื่องที่ตัวเองผูกขึ้นมาเอง ตอนแรกนึกว่าจะเรียนง่ายๆทำวิจัยแล้วให้ได้ผลลัพธ์แล้วก็จบ ไปๆมาๆต้องลากยาวทำ Paper ไปงาน Conference ต้องทำอะไรมากมายหลายอย่าง ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบ ตอนแรกว่าจะลาออกละ แต่ก็ได้อาจารย์ช่วยเหลือจนพยายามจบมาได้

ได้ไปญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต

ได้ไปประเทศที่ตัวเองได้ยินแต่ชื่อมาตั้งแต่เด็ก ได้ไปเห็นบ้านเมืองที่คนส่วนนิยมชมชอบกัน ได้กินอาหารต้นตำรับของเขา ได้เดินเที่ยวมั่วๆในสไตล์ของตัวเองในญี่ปุ่น ได้แช่น้ำพุร้อนซึ่งไม่เข้าว่ามึงจะแก้ผ้าแช่กันทำพระแสงของ้าวด้ามยาวอะไร ได้ไขกาชาปองซึ่งได้ Megaman กับ Yugi แล้วก็ตำนานเทพประยุทธ์ ซึ่งได้ตัวที่ตัวถูกใจทุกตัว ถ้ามีโอกาสให้ไปไปไหม ก็ถ้าให้ไปฟรีอะไป แต่ถ้าจะให้เสียเงินไปก็ขอดูแบบละเอียดก่อนละกัน

ได้ไปจีนครั้งแรกในชีวิต

ไปจีนครั้งนี้ต้องขอบคุณบริษัทที่ได้พาไป ไปที่นี่ได้เห็นบ้านเมืองของเขาตอนแรกนึกว่าเขาจะอยู่กันแบบจอมยุทธ์กัน ใส่ชุดแบบโบราณๆ พอไปจริงๆเขาก็คล้ายๆบ้านเราเนี่ยแหละ ในเรื่องเทคโนโลยีนั้นเขาพัฒนาไปไกลมากซึ่งมากจนน่าตกใจ แถมไปจีนรอบนี้ไปตอนหน้าหนาวบอกเลยว่าชีวิตนี้พึ่งเคยได้หนาวเจออากาศหนาวแบบติดลบเล่นเอาคิดถึงประเทศไทยเลยทีเดียว

ได้ไปสิงคโปร์ครั้งแรกในชีวิต

ต้องขอบคุณบริษัทอีกครั้งที่ทำให้ได้ไปต่างประเทศ ได้ไปเห็นประเทศที่เคยได้ยินแต่เด็กว่าเป็นเกาะ ได้เห็นบ้านเมืองที่ดูทันสมัย ได้ไปเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆในงาน IBM ได้ไปนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับ ดร. ได้รู้ว่าภาษาอังกฤษตัวเองห่วยขนาดไหน แต่ไปรอบนี้ไม่ได้ถ่ายกับสิงโตพ่นน้ำนะ

อ่านหนังสือนอกสาย

เนื่องจากเฮิร์ตเรื่องรักเลยเอาตัวเองไปทำอะไรใหม่ ซึ่งอย่างหนึ่งในอะไรใหม่ๆที่ได้ทำคือการอ่านหนังสือนอกสายซึ่งปกติจะไม่ค่อยอ่านหนังสือพวกนี้เท่าไหร่ เพราะมองว่าไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่พอได้เริ่มอ่านแล้วสนุกมากเหมือนได้เห็นโลกอีกมุม ยิ่งพวกหนังสือเกี่ยวกับจิตวิญญาณนี่สนุกดีแท้เพราะเราจะได้สนุกกับการต่อสู้ระหว่างความรู้สึก(หนังสือ)กับหลักเหตุผล(ความรู้ที่มีมาแต่อดีต)

ดูละครเวที

เพราะเฮิร์ตก็เลยไปหาอะไรทำ ซึ่งตอนนั้นมีโปรแกรมละครเวทีฟรีที่จุฬา(ซึ่งน่าจะเป็นโปรเจคจบ) ก็เลยไปจองตั๋วฟรีไปดูคนเดียวแบบช่างแม่ง ได้ไปนั่งในห้องที่ไม่มีใครรู้จัก ผมว่ามันพีคกว่าดูหนังคนเดียวนะ เพราะในโรงละครส่วนใหญ่เขารู้จักกันซึ่งจะมีก็แต่เราที่ไม่รู้จักใคร ได้ไปดูละครอาร์ตเหี้ยๆที่แม่งดูจบแล้วยังไม่เข้าใจว่าสื่ออะไร ได้ดูละครที่จบอยากจะให้เอาไปฉายแทน MAZE RUNNER ได้ ได้รู้สึกงงๆที่ทั้งโรงละครหัวเราะแต่เราไม่หัวเราะ ได้ดื่มด่ำบรรยากาศการเดินในจุฬาตอนเที่ยงคืน ก็รับรองว่าปีหน้าถ้ามีโอกาสก็จะไปดูเรื่อยๆ

เลื่อนตำแหน่ง

ปีนี้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Senior developer ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมได้เลื่อนตำแหน่ง เพราะจริงๆก็ไม่ได้ทะเยอทะยานอะไรมาก แค่ทำงานที่ตัวเองรักไปเรื่อยๆ ได้ลองอะไรใหม่ๆ แต่ก็ดีเหมือนกันได้เลื่อนตำแหน่งทำให่เงินเดือนเพิ่มทำให้ซื้อหนังสือได้มากขึ้น ได้เอาเงินซื้อกับข้าวอร่อยๆให้ที่บ้านได้มากขึ้น ปีหน้าถ้าโชคดีได้เลื่อนขั้นอีกก็คงดี จะได้เอาเงินไปซื้อของให้คนที่บ้าน

ปวดหัวไปกับงาน

ปีนี้ถือว่าปวดหัวไปกับงานมากเพราะต้องไปรับงานคนอื่นมาดูแลเยอะมากๆ งานของตัวเองก็ไม่มีซึ่งมีแต่ก็ไม่มีคนใช้ บางครั้งก็เบื่อไม่อยากพูดในหลายๆเรื่อง แต่บางครั้งก็ต้องพูด ซึ่งการพูดแต่ละครั้งใส่อารมณ์ทุกครั้ง บางทีก็เริ่มเบื่อเหมือนกันแต่ก็คงต้องหาวิธีแก้ไขกันต่อๆไปในอนาคต

เคลียใจครั้งแรกกับผู้หญิงที่ชอบ

ถ้าอ่านที่ผมเขียนก็คงจะรู้ว่าเฮิร์ตซึ่งก็เฮิร์ตในระดับกระจอกสำหรับคนอื่น แต่เรื่องมันไม่จบเพราะมันมีคำถามที่ไม่มีคำตอบ สุดท้ายก็ได้เคลียกับเธอคนนั้นว่าตกลงเพราะอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนั้น พอเคลียกับเธอแล้วเหมือนชีวิตได้ปลดปล่อยจากคำถามที่ถามตัวเองทุกวัน

ได้ถามชื่อสาวที่ไม่รู้จัก

เป็นครั้งแรกที่กล้าถามชื่อผู้หญิงที่ไม่รู้จัก อันนี้เป็นความกล้าแบบบ้าๆบอๆ ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะน้องเขาไม่ตอบ แต่อย่างน้อยก็กล้าถามน้องเขาอะนะ ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสได้เจอกันอีกก็คงจะถามน้องเขาอีกรอบ

สรุป

ปีนี้ได้ทำอะไรบ้าๆบอ ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์บ้าง ถ้าถามว่าพัฒนาอะไรไหมปีนี้ ก็สามารถบอกได้เลยว่าไม่ได้พัฒนาอะไรเลย ฝีมือการเขียน Code ก็เท่าเดิม เรื่องที่รู้ขึ้นก็ไม่ได้มีอะไรมาก ไม่รู้จะไปทางไหนต่อกับชีวิต ปีหน้าก็คงต้องค้นหาต่อไป แต่ปีนี้มีเรื่องที่ตัวเองคิดว่าพัฒนาคือ “สกิลปากหมา” ที่พัฒนาจนสามารถพูดได้ตลอดเวลา แล้วก็เรื่องการมอง “ทุกข์สุข” ที่พัฒนาขึ้นในระดับหนึ่ง ต้องขอบคุณหนังสือของ OSHO หลายๆเล่มที่ทำให้เริ่มมองโลกประหลาดขึ้น ถ้าถามว่าปีนี้มีความสุขไหมก็ขอตอบเลยละกันว่า “มันเป็นอดีตไปแล้ว” ถ้าเราไม่เปรียบเทียบกับอดีตเราจะไม่มีทุกข์ไม่มีสุข หรือจริงๆความสุขที่เราโหยหาอาจจะเป็นแค่การอยู่กับปัจจุบัน