ไปงานจับมือ BNK48 ครั้งแรก

พี่จะจับมือใคร

เป็นคำถามที่รุ่นน้องผมถามตลอดในเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจากผมเรียนจบ ป.โท แล้วของขวัญวันรับปริญญาที่มันให้มาคือ CD เพลงของวง BNK48 พร้อมรูปภาพ ครูแก้ว และบัตรเข้างานจับมือ จากนั้นมันก็ถามเรื่อยมาว่า “พี่จะจับมือใคร” หรือ “พี่จะจับหลายคนก็ได้นะ เดี๋ยวผมหาบัตรให้” ซึ่งเหมือนมันพยายามป้ายยาให้เข้าวงการเสียเหลือเกิน

มุมมองของคนนอกอย่างผมเกี่ยวกับการจับมือ

ถามว่ารู้จักวง BNK48 ไหม ก็บอกว่ารู้จักเพราะมีเพื่อนในกลุ่มคนนึงสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งทำวง Cover เป็นจริงเป็นจัง ตามวงประมาณนี้อยู่ด้วยเลยพอรู้ข่าว ซึ่งก็ได้แผ่นเพลง Single แรกของ BNK48 ก็จากเพื่อนคนนี้เช่นกัน แล้วก็มีเพื่อนเรียน ป.โท อีกท่านที่ติดตามเป็นจริงเป็นจังอีกท่านที่โพสต์ Facebook ให้ทราบข่าวอยู่เป็นระยะ แต่การไปจับมือนี่คืออะไรวะ นี่คือเราไปจับมือกับน้องผู้หญิงสวยๆเนี่ยนะ เฮ้ยเอาจริงดิ จับแล้วได้อะไรวะ กำลังใจเหรอ ผมก็เคยถามเพื่อนที่เรียน ป.โท ว่า เฮ้ยมันมีความสุขเหรอวะ มันอย่างงั้นอย่างงี้ ด้วยหลักเหตุผลตามประสาคนนอกวงการ (ขอไม่พูดละกันนะ) เพื่อนก็บอกว่า “ความสุขก็คือความสุขเว้ย” คำตอบที่สั้นๆง่ายๆนี้เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคนนอกวงการอย่างผมมากในเวลานั้น

ไปก็ไปเพราะชีวิตนี้คือการทดลอง

ถ้าคุณเป็นโปรแกรมเมอร์คุณจะได้ยินคำโฆษณาความเชื่อและสิ่งต่างๆในวงการเทคโนโลยีมากมาย เช่น NOSQL ดีกว่า SQL เป็นไหนๆ ภาษานี้ดีกว่าภาษานี้ Framework นั้นดีกว่า Framework แฟนค่ายนี้ออกมาข่มอีกค่าย เอาเป็นว่ามันจะเยอะกว่า Samsung Apple ข่มกันเสียอีก ซึ่งจริงๆมันไม่มีคำว่าดีกว่า มันมีแต่ว่าอันไหนสิ่งไหนเหมาะกับเรา วิธีที่ง่ายที่สุดคือการทดลองใช้ เช่นกัน เรื่องบางเรื่องในชีวิตถ้าเราคิดว่ามันไม่ถึงขั้นเป็นตายแบบทดลองยาในมนุษย์ก็ลองเถอะ ก็เลยตัดสินใจ (จริงๆจะขายบัตรเอาเงินไปทำอย่างอื่นละ) ไปงาน

คนเยอะดี

พอไปถึงเราก็นึกว่าคนจะน้อย ไปๆมาๆคนเยอะมาก เดินมึนๆงงๆในงานว่า เฮ้ยมันเข้าทางไหนวะ พอเจอทางเข้านี่ยิ่งตกใจนี่ตรวจกระเป๋าอะไรขนาดนั้น เลยเปิดให้แม่งดูหมดเลยเพราะถามว่าตรงนั้นอะไร ตรงนี้อะไร ก็เปิดๆให้ดูเลย จะเหลือก็เปิด Notebook แล้ว Run โปรแกรม เพื่อบอกว่ากูเป็นโปรแกรมเมอร์ได้บัตรจับมือมา จะมาจับมือคนในงานเนี่ยแหละ (จะไปงานประเภทนี้แนะนำให้ไม่ต้องเอาอะไรไปมาก) พอเดินเข้าไปยิ่งงง อ้าวแล้วมันจับมือกันตรงไหนวะเห็นมีเป็นเลนๆ ซึ่งคนโคตรเยอะเข้าไปอีก โชคดีที่รุ่นน้องมันโทรมาบอกรายละเอียดวิธีการเข้าเลน

จับมือคนที่เคยเห็นในหน้าจอ

คำถามว่า “พี่จะจับมือใคร” ก็มาจบลงที่น้อง Natherine เพราะน้องเขาน่ารักบวกกับความฮาและดูเป็นกันเองของน้องเขาก็น่าจะจับมือด้วยแล้วรู้สึกว่าจับกับคนธรรมดาด้วยกัน ถามว่าเป็นแฟนคลับไหมบอกเลยว่าอย่าเรียกว่าแฟนคลับ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องเขาเลย ได้รู้จักเกี่ยวกับน้องเขาก็ตอนบอลโลกล่ะมั้ง ที่เป็น “เทพธิดาชาวสวน” เพื่อนผมบางคนได้ดิบได้ดีเพราะแค่ดูว่าน้องเชียร์ทีมไหน เพื่อนผมก็สามารถบอกได้เลยว่าทีมไหนจะแพ้จะชนะ ต่อมาก็การเล่นมุกของเขาที่แบบ เอ่อ น้องจะเล่นอย่างงี้จริงๆดิ บางมุกนี่แบบ “ยังจะเล่นอีกเหรอครับ” ยอมใจจริงๆ ถามว่าดู Live ไหม บอกเลยว่าเคยดูอยู่ครั้งนึง รุ่นน้องส่งมาให้ดู ก็ดูไปสักพักก็แบบ เราแก่เกินจะดูอะไรพวกนี้ละ แต่ก็ประหลาดใจดีที่สมัยนี้เขายังไปเรียนพิเศษกันอยู่อีกนะ สมัยผม (ประมาณ 9 ปีที่แล้ว)เคยมีโอกาสได้ไปรอเพื่อนที่เรียนพิเศษก็ประหลาดใจมากที่คนไปเรียนพิเศษกันเยอะขนาดนั้น (ตอนอยู่ ม.ปลาย ผมไม่เคยเรียนพิเศษเลยเนื่องจากไม่อยากรบกวนที่บ้าน) หลังจากยืนรอใน Lane ได้ประมาณ 10 - 20 นาที จนอ่านหนังสืออิคิไกจนจบ ก็ได้คิวไปจับมือน้องเขา

เฮ้ย น้องเขาแต่งอะไรวะน่ะ น่ารักดี (แต่ไม่เท่าตอนแต่งเป็นจอมยุทธ์อะนะ) พอเดินไปจะจับมือก็แบบ น้องเขาก็ยื่นมือมาจับ ตอนนั้นก็มองไปที่นิ้วน้องเขาก็ทาเล็บสีฟ้าๆเทาๆด้วยแฮะ เออผู้หญิงก็คงจะชอบทาเล็บกันทุกคนสินะ ไม่ว่าจะคนธรรมดาหรือไอดอล จากนั้นเงยหน้ามามองน้องเขา ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เลยปล่อยไปตามความคิดชั่วขณะนั้นก็บอกไปเลยว่า

โปรแกรมเมอร์ : “น้องน่ารักมากเลยครับ”

น้อง : “น่ารักแล้วรักมั้ยคะ”

โหเป็นครั้งแรกที่เจอผู้หญิงตอบกลับแบบนี้คือปกติจะแซวผู้หญิงว่า น่ารักจังเลยครับ ทั้งๆที่รู้ว่าแซวกันเล่นๆแต่หลายคนนี่ทำเป็นเงียบใส่ หรือ ยิ้มๆ ไม่มีใครต่อปากต่อคำเลย น้องนี่เป็นคนแรกเลยที่กล้าเล่นต่อ

ก็เลยเล่นต่อไปว่า

โปรแกรมเมอร์ : “ถ้ารักแล้วจะรักจริงๆเหรอ”

น้อง : “แล้วพี่รักไหมล่ะ”

โปรแกรมเมอร์ : “รักครับ”

น้อง : “แล้วมาใหม่อีกนะคะ”

ถือว่าเกมส์นี้โปรแกรมเมอร์แพ้ไปอย่างราบคาบ ฮ่าๆๆๆ เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่โดนผู้หญิงต่อปากต่อคำได้ขนาดนี้ จับมือเสร็จก็เดินออกจาก Lane ไปอย่างงงๆ พร้อมหยิบของที่ระลึกกลับไปอีกจำนวนหนึ่ง

จับแล้วได้อะไร

ถามว่าจับแล้วได้อะไรเหรอ อือ ผมเห็นที่สัมภาษณ์คือหลายๆคนไปจับมือเพื่อ ได้คุยกับน้อง ได้กำลังใจ ได้ความสุข ต่างๆนาๆ อือ แต่ละคนคงได้คำตอบไม่เหมือนกันเพราะแต่ละคนเป็นปัจเจกไม่มีใครเหมือนใคร สำหรับผมคงได้ความรู้สึกแปลกใหม่ การได้จับมือผู้หญิง (ผมเป็นโรคไม่ชอบให้ใครมาโดนตัว และไม่ชอบโดนตัวใคร) การได้เล่นต่อปากต่อคำกับผู้หญิง (ส่วนใหญ่จะเดินหนี) ก็ถือเป็นความรู้สึกที่สนุกดี สุดท้ายคงมีคำถามว่า “จะไปอีกไหม” อือ สำหรับผมในตอนนี้ (สมัยก่อนไม่เป็นแบบนี้ อนาคตอาจจะไม่เป็นแบบนี้) ถ้าเป็นงานเชิง Logic แบบคอมพิวเตอร์ มันจะต้องมีกฏระเบียบและคำตอบที่แน่นอน ส่วนเรื่องอารมณ์ความรู้สึกผมปล่อยให้ในขณะนั้นเวลานั้นเป็นตัวตัดสินใจ ดังนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึงตัวผมในตอนนั้นจะเป็นคนบอกเองว่าจะไปหรือไม่ไป

เพลงแทนความทรงจำ

เพลงแทนความทรงจำต้องเพลง “น่ารักแล้วรักมั้ย” คือตอนได้ฟังครั้งแรกนี่เคลิ้มเลย แบบ โอ้ยเสียงพี่แอนน่ารักแล้วก็หวานไป ตอนฟังก็คิดว่าในชีวิตเราเนี่ยจะมีผู้หญิงที่กล้าเล่นกลับแบบนี้ไหม ก็ได้มาเจอน้องเขาเนี่ยแหละที่กล้าเล่นแบบนี้