The Disruptor

คำโปรยอย่างโหด

The Disruptor

หนังสือเล่มนี้ซื้อมาช่วงปีใหม่เพราะ SEED มีส่วนลด สำหรับใครอยากซื้อหนังสือผมก็แนะนำรอช่วงเวลาที่ SEED มีโปรโมชั่นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะลดได้หลายบาทเลยทีเดียว สำหรับหนังสือเล่มนี้ขึ้น Bestseller บวกกับคำโปรยหนังสือที่เขียนว่า “อนาคตมีแค่ 2 ทาง คุณจะเปลี่ยน หรือรอให้โลกเปลี่ยนคุณ” คำโปรยนี่โคตรชวนอ่านเลย แถมไปอ่านพวก Review นี่ก็ดีมากๆก็เลยกดสั่งซื้อไป

อ้าวเฮ้ยไม่เหมือนที่คิด(คุยกัน)ไว้นี่หว่า

คือก่อนอ่านเข้าใจว่าหนังสือจะเล่าเรื่องแบบการมาแทนที่ธุรกิจสมัยก่อนด้วยระบบดิจิตอลหรือเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นอย่างงั้นเพราะอยากรู้ว่าเทคโนโลยีอะไรบ้างที่มาแทนที่ แล้วระดับความเข้มข้นหรือไอเดียที่ทำให้เกิดการแทนที่ได้คืออะไร แต่พอเปิดอ่านกลับกลายเป็นคล้ายๆ Blog ที่ผมกำลังเขียนนี่แหละครับ เป็นตอนๆเล่าไปเรื่อย อ้าวไม่ตรงกับที่เราอยากอ่านเลยนี่หว่า คือถ้าผมจะด่าก็คงด่าคนเขียนคำโปรยล่ะครับที่แม่งเขียนคำโปรยซะพาไปไกลเลย ครับ เมื่อไม่เป็นดังหวังเราคงทำอย่างเดียวคืออ่านครับ อ่านเพราะ 1. เสียเงินซื้อมาแล้วลองอ่านก็ไม่เสียหาย 2. ถ้าของมันไม่ดีจริงก็คงขายไม่ได้หรือไม่มีคนมา Review หรอกว่าดี 3. ทุกสิ่งสอนเราได้เสมอ ก่อนอ่านต่อผมไปอ่านว่าคนเขียนหนังสือนี้คือใครซึ่งก็พบว่าเขาคือ เจ้าของศรีจันทร์ แป้งที่มีการปรับเปลี่ยนโฉม ภาษาทางการเรียกรีแบรนด์ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับว่ารีแบรนด์มันทำอะไรบ้าง แต่เห็นบรรจุภัณฑ์เขาทำสวยดีนะ บรรจุภัณฑ์สมัยก่อนดูโบราณๆซึ่งสำหรับผมมันขลังดีนะ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่เช่นเพื่อนๆของผมคงไม่กล้าใช้กันเพราะใช้แล้วมันดูผิดกับยุค แต่พอทำใหม่นี่คือแบบ โอ้ วางขายแข่งกับพวกของต่างประเทศได้เลยนะ ก็คนระดับผู้บริหารเขียนก็คงมีอะไรน่าสนใจลองอ่านดูละกัน

เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง

เนื้อหาจะถูกเล่าเป็นตอนๆ ผมเข้าใจว่าคงคัดมาจาก Blog หรือ เขียนเป็นตอนๆส่งมาให้สำนักพิพม์ แต่ละตอนก็เล่าเรื่องต่างๆไปเรื่อยๆครับ ไม่ต่อกัน ถือเป็นการเปิดโลกให้ผมเหมือนกันเช่น การมองธุรกิจ การนำเสนอ การเตรียมตัวก่อนทำอะไรสักอย่าง การบริหารเวลาของผู้สำเร็จหลายๆท่าน การทำแบรนด์ การพัฒนาระบบงาน และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งแต่ล่ะตอนก็ว้าวดีแบบ เฮ้ย “เขาคิดกันแบบเหรอ” แต่บางตอนก็น่าเบื่อเช่นกัน สำหรับผมหนังสือก็เหมือนชีวิต มันมีจุดสนุก จุดน่าเบื่อ จุดเนือยๆ บางตอนก็อยากข้าม บางตอนก็อยากให้ยาวกว่านี้

อ่านแล้วได้อะไร

สำหรับเล่มนี้อ่านแล้วได้อะไร สำหรับผมก็คงได้เปิดโลกมุมใหม่ๆ ซึ่งก็คือมุมมองทางด้านธุรกิจ การมองโลก การบริหารจัดการของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งดูแล้วก็ทึ่ง แต่ผมอยากจะเตือนว่าแต่ล่ะคนต่างมีวิธีทางทีเหมาะสมกันในแต่ละคน ดังนั้นตอนที่ท่านอ่านขอให้คิดเสมอว่ามันเหมาะกับท่านไหม จริงๆอย่าใช้คำว่าคิดผมแนะนำให้ลองปฏิบัติจะดีกว่าครับว่ามันตรงกับท่านไหม
สำหรับใครที่อยากอ่านเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือ การเข้ามาแทนที่ระบบเก่าๆด้วยเทคโนโลยีหนังสือเล่มนี้ไม่ตอบโจทย์มากๆครับ ผมแนะนำไปหาหนังสือเล่มอื่นอ่านเลย แล้วก็การอ่านครั้งนี้สอนให้ผมรู้ว่าคำโปรยหนังสือดีๆสักประโยคก็สามารถทำให้หนังสือขายดีได้ แต่ถ้าพูดในอีกมุมนึงคือ คำโปรยหนังสือก็อาจทำให้เราเข้าใจผิดได้เช่นกันครับ

เพลงประกอบการเขียน Blog นี้

เห็นเพลงนี้มีคนในรายการ The voice เอามาร้อง ตอนฟังครั้งแรกนี่แบบคุ้นหูมาก แบบ เคยฟังที่ไหนวะ ไป Search ดูเป็นของพี่แจ้ แต่ถ้าจำไม่ผิดเราไม่ได้ฟังเวอร์ขันพี่แจ้นะ คิดไปคิดมาเลยไปเปิด Playlist เพลงที่ฟังตอนเฮิร์ตๆมาดู อ้าวเป็นเวอร์ชันพี่ปิงปองร้องนี่ที่เราเคยฟัง สำหรับลิ้งค์ใน Youtube ผมหาที่เป็นลิขสิทธิ์ไม่เจอ สำหรับใครอยากฟังแบบเพราะๆคุณภาพดี ตามลิ้งนี้ไปเลยครับ http://www.joox.com/th/th/single/YqaflYh+WnO0Iz2Mrp2_GA==