Cheki ครั้งแรก

วันศุกร์ใครไปงาน Japan Expo บ้าง

คำถามนี้ถูกถามขึ้นมาในกลุ่มเพื่อนโปรแกรมเมอร์ซึ่งในตอนนั้นผมก็กะไปด้วยเพราะถือว่าไปเจอเพื่อนแล้วลองไปดูว่าในงานมันมีอะไรบ้าง แล้วก็ถ้าโชคดีคงได้ไปดูวงไอดอล SiamDream ซึ่งน้องๆเพื่อนๆแชร์กันมาให้ดูเลยอยากจะไปดูตัวจริงเสียเลย แต่ด้วยความโชคร้ายเพราะระบบมีปัญหาและต้องหาสาเหตุและแก้ไขทำให้ไม่สามารถไปได้ เลยอดไปถ่ายรูปกับเพื่อน พอกลับบ้านมาเพื่อนท่านนึงก็ขิงด้วยรูปที่ถ่ายกับน้องนี่ยิ่งรู้สึกแบบ “โอยเสียดายโว้ย”

ใครจะไปงาน Japan Expo บ้าง

คำถามนี้ถูกถามอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ระหว่างเคลียงานที่แสนน่าเบื่อหน่ายที่เป็นผลพวงมาจากวันศุกร์ ตอนนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ามันมีเสาร์อาทิตย์ด้วยนี่หว่า มองดูนาฬิกา (อยากโทรหาเธอคุยกันอย่างเคย) ก็ประมาณบ่ายกว่าๆซึ่งน่าจะไม่ทันละเพราะงานที่ต้องเคลียมีอีกเยอะเลยขอเพื่อนว่าเป็นวันอาทิตย์ละกันซึ่งเพื่อนแสนดีก็ตกลง หลังจากนั้นก็เริ่มกระบวนการปั่นงานเพื่อให้วันอาทิตย์ไม่ต้องเคลียงาน (โดยปกติผมจะเผื่อเวลาวันอาทิตย์ไว้เคลียงานที่ไม่คาดฝันกับเขียน Blog หรือ ลองอะไรใหม่ๆ)

งาน Japan Expo

ถึงเวลานัดก็ไปเจอเพื่อนที่งานก็ต้องบอกก่อนเลยว่านี่ก็เป็นครั้งแรกในการมางานนี้คือจริงๆเห็นประกาศจัดงานนี้ตั้งแต่เริ่มงานใหม่ๆ แต่ช่วงนั้นไม่ค่อยมีเวลาเพราะงานเยอะบวกกับเรียนปริญญาโทเลยไม่ได้ไป ช่วงนี้เริ่มว่างเริ่มอิสระระดับหนึ่งเลยได้มา พอมาถึงงานก็เอ๋อเลยแบบเราได้เห็นคนแต่งคอสเพย์เดินในงานถือเป็นความรู้สึกใหม่ที่เพิ่งได้เจอ เห็นน้องบางคน (หรือพี่ไม่แน่ใจแต่หน้าเด็กมาก) ทำปีกนางฟ้าแบบโหสุดยอดมาก หลังจากนั้นไม่นานก็ให้เพื่อนผู้อยู่ในวงการเดินชมงาน ซึงเราได้เห็นอะไรแปลกใหม่มากมายไมว่าจะเป็น การถ่ายรูปกับไอดอลเขาเรียกว่า cheki ตอนแรกได้ยินเป็น zenki (แก่หน่อยจะรู้จักนะ) หรือถ่ายคลิปวิดีโอให้ไอดอลพูดอะไรก็ได้ไป 30 วินาทีไรงี้ ซึ่งแบบเอาจริงดิเขาก็เข้าใจทำอะไรแบบนี้มาขายนะ จากนั้นไม่นานเพื่อนก็เดินแนะนำงานไปเรื่อยๆ จนมาเจอน้องๆใส่ชุดเครื่องแบบสีฟ้าเลยหันไปถามเพื่อนว่า “เฮ้ยนี่เขาคอสเพย์อะไร” แต่เพื่อนตอบว่า “นั่นไอดอลญี่ปุ่นนะ” ตอนนั้นนี่ช็อกเลย “เฮ้ยจริงดิระดับไอดอลนะ” จากนั้นเพื่อนผู้เชี่ยวชาญก็อธิบายให้ฟังว่าที่ญี่ปุ่นมันมีเยอะมากเลย พอเขามาไทยคนไทยแทบจะไม่รู้จักเลยดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะเดินแบบธรรมดาแบบนั้น

Jikkendojo && Fleramo[Orion]

พอใกล้เวลาแสดงของวง Siam dream ผมกับเพื่อนได้เดินมาที่เวทีเพื่อจะได้ไม่ต้องไปแย่งที่ใกล้เวที ซึ่งพอไปถึงก็มีการแสดงอยู่ก่อนแล้วซึ่งก็คือวง Jikkendojo คือพอไปถึงเขากำลังเต้นแบบ โอ้ เฮ้ย เอาจริงดิ มีเล่นกับคนดู มี Challenge ประหลาดๆเล่นกันบนเวที ซึ่งเขาเต้นกับแบบสนุกจริงๆ คือมองตาแล้วรู้เลยว่าเฮ้ยเขาอยากมาจริง อยากเต้นจริงๆ แล้วเขาเต้นกันแบบสนุกมาก ซึ่งมันทำให้ดูอย่างผมสนุกไปด้วย ซึ่งไม่รู้ว่ามันสนุกจริงๆหรือผมเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากการเริ่มยอมรับความแตกต่างกับพยายามมองโลกโดยไม่เอาอะไรไปกำหนด มองแบบที่มันเป็น พอเล่นเสร็จวงนี้มีลงมาจับมือกับคนดูด้วยนะพร้อมแจก QR ให้ไป subscripe วงใน Youtube ด้วย ซึ่งผมก็ว่าจะลองไปดูใน Youtube ช่องของเขาดูว่าเขามีเต้นอะไรแปลกๆอีกไหม อีกวงนึงที่ได้ดูคือวง Fleramo[Orion] ซึ่งวงนี้เต้นกันแบบยาวๆเลย คือร้องประมาณ 3 เพลงนี่เต้นกันแบบไม่หยุดเลยซึ่งก็เหมือนวง Jikkendojo คือรู้เลยว่าเขาอยากเต้น อยากจะทำอะไรแบบนี้จริงๆ ซึ่งดูอายุพวกเขาน่าจะรุ่นๆผมเลยนะ (เดาเอาจากหน้าตาล้วนๆ) ซึ่งถ้ามองกันแบบหยาบๆเลยนะ ถ้าเขาอายุใกล้กับผมเขาจะยึดอาชีพสายนี้ต่อไปจริงๆเหรอ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขาดังไหมถ้าดังก็คงดี แต่ถ้าไม่ดังเขาพอจะเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้รึเปล่า แต่พอมาคิดว่าสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่เขารักจริงๆผมว่าเขาคงเลือกที่จะทำเพราะมันเป็นความสุข เขาพร้อมที่จะยอมรับเส้นทางที่เขาเดิน ดังนั้นผมก็ไม่ต้องไปคิดกังวลอะไรแทนเขาเพราะเขาเลือกดีแล้วสิ่งที่ผมควรทำคือปรบมือต่อการแสดงของพวกเขา แสดงความรู้สึกที่แท้จริงกับการแสดงเหล่านั้น

SiamDream

ไม่นานวง SiamDream ก็ขึ้นเวทีครับ คือบอกตามตรงเลยว่าผมไม่รู้จักคนในวงเลยนอกจาก Fern เพราะเพื่อนๆแชร์รูปน้องเขามาแทบจะทุกวันเลย ซึ่งเหตุผลที่มาวันนี้ก็จะมาถ่ายรูปกับน้องเขาเนี่ยแหละ พอสมาชิกเขาขึ้นมาครบแล้วเริ่มการแสดง สายตาโปรแกรมเมอร์ก็จ้องไปที่น้องใส่แว่นทันทีคือแบบ โอย น้องน่ารักเกิน ซึ่งตอนแรกจะมาดู Fern ไปๆมาๆไปมองน้องแว่นซะอย่างงั้น ซึ่งโดยรวมผมก็ไม่รู้ว่าน้องๆเขาเต้นดีหรือร้องดีไหมเพราะเพลงมันเป็นเพลงญี่ปุ่นไม่รู้เนื้อ ดนตรีก็แนวๆเพลง Anime digimon สมัยตอนเด็ก แต่ก็ดูว่าบนเวทีมีการเคลื่อนไหวเยอะดีซึ่งทำให้นึกถึงคำอาจารย์สมัยประถมคือตอนเด็กอาจารย์วิชานาฏศิลป์เคยพูดเรื่องนี้ไว้ว่าตอนเต้นหรือแสดงควรใช้พื้นที่เวทีให้เต็มที่ สลับไปมา มีท่าทาง (เรื่องอย่างงี้จำดีเหลือเกิน) ซึ่งก็ดูเพลินดี แตกต่างจาการดู MV ของนักร้องยุคที่ผมชอบที่เป็น MV ถ่ายให้ดูนักร้องร้องเพลงซึ่งผมชอบแบบนั้นเพราะจะได้เห็นนักร้องที่ตัวเองชอบในมุมใหม่ๆ พอมาถึงตอนแนะนำตัวก็เลยรู้ว่าน้องแว่นเขาไม่ใช่คนไทยเป็นคนญี่ปุ่นแต่น้องเขาชื่ออะไรตอนนั้นก็ไม่รู้นะเพราะหูดับไปแล้วจากเสียงเครื่องเสียงที่เล่นกรอกหูมาตลอด จากนั้นก็มีเล่นอีกเพลงสองเพลง มีเพลงนึงเป็นภาษาไทยด้วย Touch อะไรสักอย่างเดี๋ยวต้องลองไปหาดู พอเล่นเสร็จก็ถึงช่วงเวลาที่จะไปถ่ายรูป

ถ่ายรูปกับ Fern

การถ่ายรูปกับไอดอลนี่เป็นการขายที่ดีเหมือนกันนะคือจะถ่ายกับคนที่ชอบต้องเสียเงินซึ่งก็มีคนยอมจ่ายเงินเพื่อไปถ่ายเพราะอยากมีรูปด้วย ถือว่าพลิกมุมกับวงการดาราบ้านเราที่สามารถถ่ายรูปด้วยได้ ขอลายเซ็นต์ได้ ลองคิดดูนะถ้าพี่เบิร์ดเปลี่ยนจากถ่ายรูปขอลายเซ็นต์ฟรีมาเป็นเก็บเงิน ผมว่า GMM Grammy คงรวยเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆ ถือเป็นการขายของที่น่าสนใจ ครับกลับมาเรื่องของผมครับคือตอนแรกจะถ่ายกับ Fean คนเดียวแต่คราวนี้อยากถ่ายกับน้องแว่นด้วย คราวนี้ก็เกิดประเด็นสิว่าจะเอายังไง ซึ่งพอคิดไปคิดมาเออนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้มาแล้วก็ได้ (อย่าฝากอะไรกับอนาคตอยู่กับปัจจุบันดีกว่าครับ) เดือนนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อหนังสือ (ปกติทุกเดือนผมจะซื้อหนังสือประมาณ 1000 กว่าบาท) เพราะหนังสือที่ซื้อมายังอ่านไม่หมด ก็เลยเอาวะซื้อไปถ่ายด้วยกันกับทั้งสองคนเนี่ยแหละ พอซื้อ 2 ใบก็เลยได้รูปน้องมารูปนึง (ไม่รู้ว่าควรจะเลือกว่ารูปไหมเรียกว่าที่คั่นหนังสือก็ได้มั้ง) ซึ่งสุ่มจับแล้วก็ได้รูป Fern จากนั้นก็ไปเข้าคิวรอถ่ายรูปซึ่งแถวเฟิร์นก็นานระดับนึง ไอแถวยาวไม่ใช่ประเด็นครับประเด็นอยู่ที่จะถ่ายท่าไหน คือปกติไม่ค่อยถ่ายรูปกับใครไม่เคยแอคติ้งท่า แล้วนี่ต้องถ่ายกับผู้หญิง โอ้ตายๆๆๆๆ ระหว่างรอก็คุยกับเพื่อนว่า “ถ่ายรูปกับผู้หญิงนี่ยากกว่าเขียนโปรแกรมอีกนะ” เพื่อนก็บอกว่าคิดเหมือนกัน พอคิวยิ่งใกล้ยิ่งกลัวแม่งจะถ่ายรูปกับผู้หญิงยังไงวะ จนพอถึงคิวก็เดินเข้าไป

น้อง : สวัสดีค่ะ จะถ่ายรูปท่าไหนดี

โปรแกรมเมอร์ : อ่าพี่พึ่งมาถ่ายครั้งแรกอะพี่ไม่รู้ถ่ายท่าไหน

น้อง : งั้นเอาท่าจับไหล่ละกัน

แล้วน้องก็จัดแจงท่าให้แบบงงๆคือตอนนั้นงงมากทำได้แค่ยิ้ม พอถ่ายเสร็จน้องก็เอารูปมาเขียน

น้อง : พี่ชื่ออะไรคะ

โปรแกรมเมอร์ : พี่ชื่อ…. ครับ

น้อง : นี่มาครั้งแรกเลยเหรอ

โปรแกรมเมอร์ : ครับ

น้อง : งั้นก็ต้องมีครั้งหน้านะ

โปรแกรมเมอร์ : คนเรามีครั้งแรกแล้วมีครั้งต่อไปไม่ยาก

น้อง : แล้วเจอกันนะ

พร้อมกับเอามือมาให้แปะกัน ตอนนั้นก็แปะกับน้องเขาแล้วเดินออกไปงงๆ

คือน้องหน้าสวยมากแบบสวยเลย เสียงก็น่ารักเข้าใจว่าเสียงสองนะ (ฮ่าๆๆๆ อย่าว่าพี่เลยนะ) ก็ถือว่าเป็นความประทับใจกับความรู้สึกใหม่ที่ได้ถ่ายรูปกับคนสวยๆขนาดนี้

ถ่ายรูปกับน้องแว่น

คือน้องแว่นนี่ต่างกับ Fern เลยนะคือไม่มีแถวแยกมีแต่แถวรวมแล้วเราไปเข้าแถวแล้วจะมีคนมาเรียกว่าน้องคนนี้ว่างแล้วเข้าไปได้ ซึ่งก็รอไม่นานนักก็ได้ถ่ายกับน้องแว่น เอ้อจริงๆแล้วน้องแว่นชื่อ Nico อ่านว่านิโกะ ตอนแรกอ่านเป็น นิโคล (บุษบาหน้าเป็น) พอเข้าไปน้องเขาก็ถามแหละว่าท่าไหนเราก็งงๆเลยถ่ายตามน้องเขาไป จากนั้นก็คุยกับน้องเขา

โปรแกรมเมอร์ : น้องพูดภาษาไทยได้ไหมครับ

น้อง : สวัสดีค่ะหนูชื่อ Nico ค่ะ

โปรแกรมเมอร์ : พี่ชื่อ … นะ

น้อง : อ่า … ที่เขียนยังงี้ใช่ไหมล่ะ

โปรแกรมเมอร์ : ใช่ๆๆ

น้อง : ดูการแสดงเป็นยังไงสนุกไหม

โปรแกรมเมอร์ : สนุกดีนะ

จากนั้นก็เงียบไปพักนึงเพราะเราคุยกันไม่รู้เรื่อง

น้อง : Nico เรียนภาษาไทยทุกวันเลยนะ เดี๋ยว Nico เขียนคำว่าชอบให้นะ

โปรแกรมเมอร์ : โอ้เขียนคำว่าชอบได้จริงๆด้วย

น้อง : แล้วมาเจอกันใหม่นะ

จากนั้นน้องก็ขอจับมือแล้วก็แท็กมือกันแล้วก็บ๊ายๆ ถ่ายรูปกับน้อง Nico นี่คือกันเองมากเหมือนคุยกับน้องสาวเลยนะ คือน้องเขาพยายามคุยด้วยทั้งที่พูดไทยไม่ค่อยได้ โดยส่วนตัวผมมองว่าน้องน่ารักมาก น่ารักแบบใสๆ (พี่ไม่รู้ว่ามันคือการแสดงรึเปล่านะ อย่าว่าพี่เลย ฮ่าๆๆๆ) ก็ตลกดีที่ได้คุยแบบไม่ค่อยรู้เรื่องกับน้อง ก็หวังว่าถ้าได้คุยกับน้องครั้งหน้า (ซึ่งไม่รู้จะมีไหม) คงได้คุยกับน้องเยอะกว่านี้

ดูงานต่อ

หลังจากจับมือเสร็จก็ได้ไปเดินงานต่อซึ่งได้มีโอกาสไปดูวงไอดอลอีกวงของญีปุ่นซึ่งเพื่อนผมอยู่ในวงการชอบ ซึ่งพอไปอยู่ตรงหน้าเวทีนี่ได้พบอะไรแปลกใหม่ไม่ว่าจะเป็นเชียร์เพลง(ไม่รู้เขาเรียกอย่างงี้รึเปล่านะ) คือคนดูจะร้องดังๆเข้ากับจังหวะเพลงแบบ โอ้ดูท่าเขาสนุกกันมาก แถมมีตั้งค่ายกลวิ่งกันไปมาด้วยนะเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ คือมองไปที่พวกเขาแล้วรู้เลยว่ากำลังสนุกมีความสุข มันเป็นความสุขสื่อได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่แน่ว่ามันเป็นความสุขที่ลึกล้ำกว่าการนั่งสมาธิก็ได้นะเพราะวิธีการได้มาซึ่งความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เส้นทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ไปแล้วได้อะไร

สำหรับไปงานครั้งนี้คือการได้ไปเรียนรู้และเห็นสังคมอีกแบบหนึ่งซึ่งก็น่าสนใจดีนะ ได้ไปเห็นคนที่ทำตามฝันที่ไม่ใช่กระแสหลักของสังคม (กระแสหลักคือทำงานเลื่อนขั้นเป็นเจ้าคนนายคนหรือมีฐานะมั่นคง) ได้เห็นความสุขของคนที่แสดงบนเวทีและคนดูที่อยู่ข้างล่าง ผมเคยเห็นเหตุการณ์พวกนี้เหมือนกันตอนไปดูละครเวทีแต่มันไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหรเพราะมันเข้าใจยากไม่ได้เข้าใจง่ายผ่านเสียงเพลงและการเต้นและเล่นกับคนดู ได้ลองถ่ายรูปและพูดคุยกับน้องสองคนซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีซึ่งไม่รู้จะมีอีกไหม สำหรับผมนี่ถือเป็นความทรงจำดีๆอีกความทรงจำในชีวิตเลย

ปล. ไม่ขอขิงภาพในนี้นะ ใครอยากเห็นให้ไปดูในอัลบั้มความทรงจำมีสีเอา ฮ่าๆๆๆ