ปรัชญาชีวิต - The Prophet

หาหนังสืออ่าน

ปรัชญาชีวิต - The Prophet

หลังจากรัฐบาลมีนโยบายซื้อของช่วยชาติแล้วเอาไปลดหย่อนภาษีได้ โดยปีนี้สินค้าที่ลดหย่อนได้คือหนังสือ ซึ่งเข้าทางกับช่วงนี้ที่อยากหาหนังสือมาอ่านพอดี แต่ปัญหาคือยังไม่มีหนังสือที่จะซื้อเลย หลังจาก Search ที่ควรอ่านก็พบชื่อหนังสือเล่มนึงชื่อ “ปรัชญาชีวิต” เฮ้ยชื่อหนังสือแบบนี้ต้องซื้อมาอ่านแล้วแหละ

เอาจริงดิ

พอเริ่มเปิดอ่านพวกคำนิยมสำนักพิมพ์ คำนิยมผู้แปลแล้วแบบ โห หนังสือเก่ามากคือคนเขียนนี่เขียนตั้งแต่เรายังไม่เกิด คนแปลเอามาแปลเราก็ยังไม่เกิด พอเริ่มอ่านนี่ช็อกเลยนะ สำนวนนี่เบบ เฮ้ย มีคนเคยเขียนบรรยายแบบนี้ด้วยเหรอ แบบสำนวนมันไม่ใช่แบบสมัยใหม่อะ มันเป็นสำนวนแบบที่ไม่เคยเห็นในหนังสือที่เราเคยอ่าน (อยากรู้แบบไหนให้ไปหามาอ่านดู) ที่ตกใจกว่าคือคำว่า คน คือ เขาเขียนแบบ ฅน ใช่ครับใช้ ฅ. คน ที่ตอนนี้มันอยู่ตรงไหนของคีย์บอร์ดยังต้องก้มลงไปดู (ถ้าเจอ ฃ.ขวด ด้วยนี่คงทึ่งไปอีก) อันนี้เลยน่าจะเป็นเครื่องการันตีว่ามันเก่าได้แค่ไหน

ไม่ใช่หนังสือหลักธรรมของศาสนาใด

ตอนแรกเข้าใจว่ามันเป็นหนังสือหลักธรรมที่ว่าเป็นข้อๆบอกว่าเราควรทำอะไรแบบไหน จริงๆคิดว่าเป็นหนังสือของศาสนาคริสต์ด้วยซ้ำเพราะชื่อหนังสือคือ The Prophet แต่พออ่านจริงๆนี่เป็นคล้ายๆนิยาย เล่าเรื่องผ่าน ชายคนหนึ่งซึ่งผมเข้าใจว่าเขาติดอยู่ที่เมืองๆหนึ่งไปไหนไม่ได้รอคอยการมาถึงของเรือเพื่อจะได้พาเขาเดินทางไปยังบ้านเกิดหรือที่ที่เขาต้องการไป ซึ่งเริ่มต้นเรื่องคือเรือที่เขาเฝ้าคอยมาที่เมืองแล้ว การรอคอยอันนานแสนนานของชายคนนั้นจบลงเขาจึงจะเดินทางไปกับเรือ แต่เหมือนชายคนนี้จะเหมือนผู้มีความรู้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเมือง พอแกจะไปชาวเมืองเลยมารวมตัวกันเพื่อจะลาแก โดยก่อนไปชาวเมืองอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆในชีวิตว่ามันคืออะไร แล้วอยากจะให้ชายผู้เป็นเหมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเขาอธิบายให้พวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ไม่เจอกันอีก ซึ่งหนังสือจะเล่าเรื่องเป็นการตอบคำถามว่าสิ่งนี้คืออะไร เช่น บุตร คืออะไร ศาสนา คืออะไร กฏหมายคืออะไร ความโศกคืออะไร และอีกหลายๆอย่าง

เข้าใจและไม่เข้าใจ

ด้วยหนังสือเป็นหนังสือที่เก่ามากและถูกแปลเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งถ้าจำไม่ผิดในหนังสือเขียนว่าเล่มที่ผมซื้อมาเนี่ยเป็นเล่มที่ตีพิมพ์ฉลองครบรอบ 50 ปี หลังจากการตีพิมพ์หรือแปลเป็นไทยครั้งแรก สำนวนหรือภาษาจึงค่อนข้างอ่านยาก ซึ่งเป็นเพราะผมเกิดคนละสมัยกับตอนที่แปลจึงไม่เข้าใจสำนวน แต่บอกเลยว่า สำนวนพวกนี้มีเสน่ห์เอามากๆ ในหลายตอนนั้นตอบคำถามได้ดีมาก เช่น เรื่อง บุตร คืออะไร หนังสือตอบได้อย่างดีประมาณว่า บุตรของเธอไม่ใช่ของเธอ เขาแค่มาทางเธอ แต่เธอไม่ได้เป็นเจ้าของเขา เธออาจให้ความรักเขาได้ แต่เธอจะไปกำหนดความคิดความอ่านของเขาไม่ได้ เพราะเขาจะต้องมีความคิดความอ่านของเขาเอง คือ แค่ตอนนี้นี่ตอบคำถามสิ่งที่ผู้ใหญ่หรือเด็กเฝ้าถามมาได้อย่างงดงาม ไม่ได้มีการว่าร้ายใคร แต่แค่บอกความจริงและมันเป็นความจริง หรือ จะเป็นเรื่องความโศก ความทุกข์ หนังสือก็พูดมันได้อย่างดีว่า ความโศกก็เกิดจากเราไม่ได้สิ่งที่เราเคยสุข เวลาเราสุขก็มาจากเราไม่ต้องไปอยู่สถานะที่เราเศร้าโศก ซึ่งนั่นแปลว่าเราสุขเพราะทุกข์ เราทุกข์เพราะสุข ทั้งสองมีค่าเท่ากันเปรียบเหมือนตาชั่ง คนที่หลุดพ้นมันได้คือคนที่เข้าใจมันคือตาชั่ง โห นี่มันแนวทางของสายพุทธ สายเต๋า เลยนะ หรือ จะเป็นเรื่องอิสรภาพก็เช่นกัน เล่มนี้พูดคล้ายๆกับ OSHO พูดเลย ว่าการเฝ้าใฝ่หาอิสรภาพนั้นมันก็คือโซ่พันธนาการเรานั่นเอง แต่ในหลายๆส่วนก็อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน คงอาจเป็นเพราะเรายังแกะความหมายที่แฝงอยู่ในแต่ละคำได้ไม่พอ ยังเชื่อมโยงระหว่างประโยคและการเปรียบเทียบได้ไม่ดีพอ ซึ่งผมก็หวังว่าถ้ากลับมาอ่านอีกในภายหลังคงจะเข้าใจมากกว่านี้

อ่านแล้วได้อะไร

สำหรับเล่มนี้อ่านแล้วได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับโลกในมุมมองใหม่และวิธีอธิบายแบบใหม่ หนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจว่าการอธิบายแบบสวยงามนั้นทำให้เข้าใจง่ายและทำให้จำได้นาน เพราะเราประทับใจมัน สำหรับใครที่ว่างๆไม่มีอะไรอ่าน หรือ ใครที่ใช้ชีวิตมานานแล้วยังต้องการหาคำตอบของหลายๆสิ่งในชีวิตในมุมมองใหม่ๆ ผมก็แนะนำหนังสือเล่มนี้เลยครับ เล่มเล็กไม่ใหญ่ อ่านสบายๆ ราคาประมาณ 295 บาท

เพลงประกอบการเขียนบทความนี้

เพลงไม่ได้เกี่ยวกับหนังสือนะครับ แค่ช่วงนี้ติดตาม Idol : Siam dream เลยไปหาเพลงของน้องๆเขาฟัง