The Woman In Black

1 ปีแล้วสินะ

ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านไป 1 ปีแล้วตั้งแต่ผมได้ไปดูละครเวทีที่จุฬาเรื่องแรก ซึ่งเรื่องแรกที่ผมไปดูคือ “เจ้าสาวรอฤกษ์” และหลังจากนั้นก็ไปดูเกือบทุกครั้งที่มีโอกาสที่สามารถไปดูได้ ซึ่งก็มีทั้งเรื่องที่ดูแล้วประทับใจ บางเรื่องก็ไม่เข้าใจจนอยากจะเดินออกจากโรงก็มี ก็ต้องขอบคุณหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้มีโอกาสมาดู

วิ่งไปดู

เนื่องจากวันที่ไปดูเกิดปัญหาเกี่ยวกับงานเลยอยู่ช่วยเพื่อนเผื่อจะช่วยแก้อะไรได้บ้าง พอดูนาฬืกาแล้วเป็นเวลา 18.25 น. เลยต้องรีบวิ่งไปที่โรงละครทันทีเพราะต้องไปก่อน 18.45 ไม่งั้นจะบัตรอาจจะถูกยกเลิก บอกเลยว่าการวิ่งแบกคอมหนัก 4 กิโลกรัมนี่เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากๆ ด้วยความพยายามก็ไปถึงหน้าโรงละครประมาณ 18.43 น. แหม่ฉิวเฉียด

ละครเวทีแนวสยองขวัญ

คือคำโปรยของละครเรื่องนี้บอกว่า คนที่ไม่ใช่นักแสดงพยายามที่จะเป็นนักแสดงเพื่อเปิดเผยความจริงบางอย่าง คือพอเราอ่านเราก็ตีความว่าคงจะเป็นแนวติสๆหน่อยล่ะมั้ง ซึ่งพอละครเริ่มเราก็อืมแม่งติสแน่นอนคือ มีตัวละครสองคนกำลังซ้อมเล่นละครเวทีโดยคนแก่คนหนึ่งเป็นคนจ้างให้นักแสดงอีกคนสอนเขาเล่นละครเวทีตามบทที่เขาเขียน คือจริงๆจะเรียกว่า ละครเวทีซ้อนละครเวทีก็ได้นะ เพราะเรากำลังดูละครเวทีที่เนื้อเรื่องเป็นคนที่กำลังแสดงละครเวทีตามบทบทหนึ่ง ตอนแรกนี่เนือยมากแบบสองคนกำลังโต้กันเรื่องจะแสดงให้สมจริงกับแสดงๆไปเถอะ แต่พอผ่านจุดเริ่มเรื่องไปถึงจุดที่สองคนเริ่มแสดงละครเวทีเท่านั้นแหละความน่าดูมันพุ่งขึ้นสูงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นปริศนาของตาลุงว่าบทละครของตาลุงนี่คืออะไร ต้นสายปลายเหตุต่างๆ ตัวละครทิ้งปมให้เราสงสัยแบบเฮ้ยทำไมวะ แล้วค่อยๆเผยทีละเล็กทีละน้อย บวกกับการแสดงของนักแสดงทั้งสองคนที่สุดยอดมากๆ (เอาจริงๆผมว่าเขาเล่นเก่งกว่านักแสดงในทีวีอีกนะ) และด้วยความที่มันเป็นละครเวทีที่เขาเล่นแสงสีเสียงกับคนดูได้เต็มที่มันเลยยิ่งให้เข้าถึงอารมณ์ได้อีก แบบปิดไฟทั้งโรงละครเหลือไฟไว้แค่ตรงนักแสดงที่กำลังต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งมันทำให้เราเข้าใจเลยว่า เฮ้ยนี่แหละการต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น เราไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในความมืด เรากำลังสู้กับอะไรกันแน่ อะไรจะโผล่ออกมา ตอนไหน เมื่อไหร่ มันทำให้กลัวได้ถึงขีดสุดจริงๆ (ยังกลัวเลยว่าเขาจะเล่นกับคนดูแบบเอาผีโผล่มากลางที่นั่งอยู่เลย) ที่เด็ดสุดของเรื่องนี้คือตอนจบของเรื่องคือเป็นการจบที่เล่นเอาขนลุกขึ้นมาเลย แบบมันน่ากลัวกว่าตอนปิดไฟ ตอนผีมา แต่เป็นแค่เสียงกับสีหน้าของนักแสดงทั้งสองคนกับเรื่องเหลือเชื่อ

10 เต็ม 10

สำหรับเรื่องนี้สำหรับผมโปรแกรมเมอร์ที่เป็นคนทั่วไปไม่ได้เสพงานศิลป์อะไรแบบ Advance (ตัวแทนคนนอกแบบ 100 เปอร์เซ็น) ผมให้ 10 เต็ม 10 เลย (อยากจะหักคะแนนช่วงแรก แต่มันเป็นการปูเรื่องเลยหักไม่ลง) เพราะมันสนุกและลุ้นระทึกมาก แถมนักแสดงเล่นได้แบบเชื่อจริงๆว่ามันเป็นแบบนั้น

เสวนาหลังการแสดง

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วม เสวนาหลังการแสดง จริงๆก็เกร็งอยู่เหมือนกันเพราะไม่รู้มันเป็นยังไงจะเจออะไร แต่ก็อยากลองดูเลยอยู่ดึกต่ออีกสักนิดเผื่อจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น ซึ่งเสวนาหลังการแสดงคือการถามตอบกับนักแสดงและทีมงานซึ่งผมว่าโอเคเลยนะ จริงๆถ้าเจอละครเวทีติสส์ๆเนี่ยควรจะมาดูวันที่มีเสวนาการแสดง ซึ่งโปรแกรมเมอร์หน้าหมาก็มีถามหลายเรื่องที่ตัวเองสงสัยตั้งแต่เริ่มดูละครเวทีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ เขาปิดไฟทั้งโรงละครแต่นักแสดงสามารถเดินไปตำแหน่งต่างๆของเวทีได้ ตอนแรกเข้าใจว่าเขามีมาร์คจุดเรืองแสง หรือใช้เทคโนโลยีอะไร แต่คำตอบที่ได้นั้นง่ายและพื้นฐานมากๆคือ เขาฝึกซ้อมแล้วก็ตกลงกับทีมงานว่าจะให้ไปตรงไหน เขาบอกว่าแรกๆก็เดินชนกระจุยกระจายหลังๆก็สามารถเดินได้แบบที่เห็นในการแสดง จากนั้นก็มีหลายคนถามเรื่องเทคนิคทางการแสดงต่างๆ หรือ การตีความการกระทำต่างๆของตัวละครว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นแบบนี้ จริงๆผมว่าพวกละครติสส์น่าจะทำอะไรแบบนี้แล้วอัดเอามาใส่เป็น EASTER EGG หรือแนบท้าย DVD เหมือนกันเพราะคนดูธรรมดาจะได้เข้าใจสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ

สำหรับคนอยากดู Version ภาพยนตร์

เรื่องนี้มีทำเป็นแบบภาพยนตร์ไว้หลายเวอร์ชัน เวอร์ชันล่าสุดคนที่แสดงเป็นแฮรี่แสดงด้วยนะ