วิธีชนะมิตรและจูงใจคน - How to Win Friends and Influence People

วิธีชนะมิตรและจูงใจคน - How to Win Friends and Influence People

วิธีชนะมิตรและจูงใจคน - How to Win Friends and Influence People

สำหรับหนังสือเล่มนี้ผมไปเจอจากใน Internet ว่าเป็นหนังสือที่คนควรอ่านให้ได้ก็เลยลองหาซื้อดู ปรากฏว่าหมดจ้า ไม่ว่าจะร้านหนังสือไหนจะเหลือก็แต่ในห้องสมุดสถาบันที่ผมเคยอยู่ (ซึ่งผมเรียนจบแล้วใช้ไม่ได้แล้ว) กับหนังสือมือสองซึ่งก็น่าลองแต่เขาไม่รับรองคุณภาพหนังสือซึ่งน่ากลัวว่าจะได้มาแบบหน้าขาดๆ ก็เลยไม่ได้ซื้อ จนเมื่อปีที่แล้วเขามี Re print หนังสือเล่มนี้ ก็เลยไปป่าวประกาศในหน้า Facebook ว่าหนังสือเล่มนี้น่าอ่านเดี๋ยวปีใหม่จะซื้อมาอ่าน ซึ่งปีใหม่ก็ได้หนังสือเล่มนี้มาจริงๆจากการได้เป็นของขวัญ โอเคเราเล่าที่มาของการได้หนังสือเล่มนี้มาเยอะแล้ว (ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ)

การทำยังไงให้คนที่อยากจะสื่อสารสบายใจและประทับใจ

ในหนังสือเล่มนี้พูดถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ยังไงให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งมันเป็นเรื่องเล่าผ่านประสบการณ์ของ Dale Carnegie ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคือใคร (แต่พอมารู้ที่หลังเขาก็ยิ่งใหญ่และได้ความเคารพนับถือในความสามารถในการสื่อสารของเขา) ซึ่งในหนังสือจะแบ่งเป็นบทต่างๆ เป็นหัวข้อ หัวข้อ ซึ่งเขาจะยกตัวอย่างกรณีต่างๆ ตามข้อต่างๆให้เราเห็น เช่น ปฏิเสธยังไงให้ผู้ที่ถูกปฏิเสธไม่โกรธ การตำหนิยังไงให้ผู้ถูกตำหนิรับฟังโดยปราศจากอคติ ซึ่งตัวอย่างนั้นเป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง (ถ้าคุณ Dale Carnegie ไม่ได้โกหก) ซึ่งเป็นตัวอย่างที่อ่านแล้วจับต้องได้ แล้วถ้าคิดตามมันเกิดขึ้นได้จริง และผมก็เคยเจอกรณีแบบในหนังสือนี้บ้างเหมือนกัน

เป็นเรื่องที่ควรศึกษา

พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ผมเข้าใจว่าทำไมคนที่เคยอ่านเขาถึงแนะนำให้อ่าน เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ขึ้นชื่อว่าคน (หรือมนุษย์แล้วแต่จะเรียก) นั้นย่อมมีอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและเสีย การสื่อสารกับเขาแล้วจะเกิดผลดีได้ย่อมเกี่ยวกับอารมณ์ เช่น ถ้าจะตำหนิต้องตำหนิแบบไหนถึงให้เขาไม่โกรธและฟังเรา ถ้าเขาโกรธขึ้นมาแน่นอนว่าเขาไม่ฟังสิ่งที่คุณจะตำหนิแน่เขาจะตั้งกำแพงสูงเสียดฟ้าขึ้นมาป้องกันตัวเองพร้อมบอกว่า “ฉันไม่ผิด”

ตัวอย่างที่คุณ Dale Carnegie แกแนะนำคือ บอกว่าเราก็เคยผิดพลาดแบบนี้ ทำแบบนี้มาก่อน แล้วค่อยบอกว่าอีกฝ่ายก็ผิดเหมือนกับที่เราผิด แล้วเราไม่อยากให้เขาผิดแบบเราอีก ซึ่งผมก็เคยโดนสอนด้วยวิธีแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งก็คือ หัวหน้าผมตำหนิผมเรื่องการควบคุมอารมณ์เวลาประชุม (เพราะในห้องประชุมมันมีมากมายหลายฝ่าย ฝ่ายที่พูดความจริง ฝ่ายที่แม่งจะไม่ทำห่าอะไรโบ้ยให้ชาวบ้านทำ หรือทำเป็นจำไม่ได้ ซึ่งผมจะมีอารมณ์กับไอสองพวกหลังเสมอแล้วพออารมณ์มาความบรรลัยก็จะมาเยี่ยมเยียนห้องประชุม จากจะหาข้อสรุปมันจะหลายเป็นเวทีมวยลุมพินี) หัวหน้าผมยกตัวอย่างว่าตัวเองก็เคยเป็นแบบนั้น ซึ่งก็บอกว่ามันไม่เป็นผลดี แล้วก็ค่อยบอกว่าผมก็เป็นเหมือนที่หัวหน้าเป็นซึ่งมันไม่ดีก็ควรจะต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งหัวหน้าแกก็เปลี่ยนไปเยอะแล้วเพราะไม่เคยเห็นแกเดือดในห้องประชุมแบบที่ผมเป็น (หรือจริงๆแกไม่เคยเดือดวะ แต่ใช้วิธีนี้ในการตำหนิผม) จริงๆมีอีกหลายเรื่องเช่น ทำยังไงให้คนประทับใจ ทำยังให้คนคล้อยตาม ซึ่งเรื่องพวกนี้เราต้องเจอเกือบจะทุกวัน ปฏิเสธนัดเพื่อนยังไงให้มันไม่โกรธ จะให้เพื่อนไปกินร้านบุฟเฟ่ห์ร้านที่เราอยากกินได้ยังไง

ความอ่อนแอของจิตใจมนุษย์

การอ่านหนังสือเล่มนี้นั้นได้บอกวิธีหลายๆอย่างในการทำให้มนุษย์รู้สึกดี รู้สึกสบายใจ รู้สึกมีคุณค่า โดยข้อแรกๆที่คุณ Dale Carnegie เขียนไว้เลยคือ ให้มันมาจาก ใจจริง ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณ Dale Carnegie ถึงเขียนไว้อย่างนั้น แต่พออ่านหนังสือเล่มนี้เกือบจบ (ณ ตอนที่เขียน บทสุดท้ายพูดถึงเรื่องสามี ภรรยา เลยยังไม่ได้อ่าน) ก็เลยเข้าใจว่า ทั้งหมดมันคือการเล่นกับจิตใจของมนุษย์ แค่คุณชมหรือพูดอะไรนิดหน่อย คนที่คุณคุยด้วยอาจเปลี่ยนการตอบโต้ชนิดแบบหน้ามือหลังเท้า ตัวอย่างที่แบบ เอาจริงดิ เรื่องนึงคือ การเจรจารวมธุรกิจที่ยากเย็นแสนเข็ญแบบตกลงกันไม่ได้สักที กลับจบแบบง่ายๆโดยฝ่ายหนึ่งบอกว่าชื่อบริษัทที่จะรวมกันชื่อของคุณ แค่นั้นการตกลงง่ายดายขึ้นมาในทันที หรือ พนักงานคนหนึ่งทำงานควงกะประมาณ 12 - 13 ชั่วโมงต่อวัน เขาเรียกร้องให้บริษัทจ้างคนมาทำงานเพิ่มเพื่อช่วยเขา แต่บริษัทใช้วิธีการสร้างห้องให้พนักงานคนนั้นให้ชื่อตำแหน่งเท่ห์ๆ แปะหน้าห้องว่าเป็นห้องของพนักงานคนนั้นแปะป้ายตำแหน่งใหญ่โตให้ หลังจากนั้นพนักงานคนนั้นไม่บ่นอะไรอีกเลย หรือตัวอย่างเกี่ยวกับทหารก็คือ นโปเลียนสร้างยศให้ทหารที่ออกรบให้มียศต่างๆ มีเหรียญกล้าหาญให้ ทำให้พวกทหารพวกนั้นจงรักภักดีอยากไปรบอีก (ดูไปมันก็คล้ายๆกับบางประเทศที่มียศนายพลเยอะซะเหลือเกิน)

จริงๆมันก็เหมือนการเล่นเกมส์นั่นแหละครับ แต่มันไม่ใช่เกมส์ที่เป็นเลข 0 กับ 1 แต่เป็นเกมส์ของมนุษย์ เล่นกับอารมณ์คำพูด สำหรับผมถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้การมีคนชม หรือคนพูดดีด้วย ด้วยวิธีต่างๆที่กล่าวมาอาจจะทำให้ผมไม่คิดอะไร แต่พออ่านแล้วรู้แล้วก็จะกลายเป็นว่าคนที่พูดด้วยต้องการอะไร เขากำลังจะเล่นเกมส์กับจิตใจของผม เราควรจะตอบยังไงให้มันดูดีและเล่นเกมส์กลับไปหาเขาด้วยเพราะเราไม่ได้ต้องการอย่างที่เขาต้องการ สุดท้ายจากจะเป็นการสื่อสารให้ได้ผลดีมันจะกลายเป็นการทำสงครามกัน ดังนั้นคุณ Dale Carnegie จึงแนะนำว่า การจะทำอะไรแบบนี้ขอมันมาจาก ใจจริง แต่คำถามคือ เราจะรู้ได้ไงว่ามันมาจาก ใจจริง

สรุป

สำหรับคนอยากสื่อสารกับมนุษย์แล้วได้ผลดีมากขึ้นหรือต้องเจองานที่พบปะกับมนุษย์ผมแนะนำให้อ่านมากๆครับ ส่วนคนที่อยากรู้ความอ่อนแอของจิตใจมนุษย์ ทริคในการเล่นกับจิตใจมนุษย์อันนี้ผมก็แนะนำให้อ่านครับ สำหรับใครอยากเอาไปรองขาโต๊ะก็ซื้อไปรองได้ครับไม่ว่ากันน่าจะรองได้อยู่

เพลงประกอบการเขียน Blog