Candide ตอนที่ 5

ตอนที่ 5 : พายุ เรืออัปปาง แผ่นดินไหว และอะไรเกิดขึ้นกับ อาจารย์ Pangloss Candide และ James

ครึ่งหนึ่งของคนที่ตายไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเรือกำลังจะพลิกคว่ำ ครึ่งหนึ่งของผู้โดยสารไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิด อีกครึ่งรู้สึกกลัวและส่งเสียงอ้อนวอน เหล็กของเรือแตกทำให้เกิดรู เสากระโดงเรือพัง และทำให้เรือมีรอยรั่ว กะลาสีบนเรือไม่มีใครทำอะไรได้เลย ไม่มีใครได้ยินอะไร ไม่มีใครสั่งว่าให้ทำอะไร ในขณะนั้น James อยู่บนดาดฟ้าเรือ เขาถูกกระแทกโดยกะลาสีเรือจนกลิ้งบนพื้น แต่ซึ่งด้วยเหตุนั้นทำให้กะลาสีเรือไปติดอยู่ตรงบริเวณเสากระโดงเรือที่แตกหัก James ผู้ซึ่งมีจิตใจดีงามได้วิ่งเข้าไปช่วยกะลาสีเรือคนนั้นให้ขึ้นมาได้แต่ก็ทำให้ตัว James ตกลงไปในทะเลแทน Candide ที่ยืนอยู่ได้เห็นภาพชายผู้ช่วยชีวิตเขาอยู่เหนือน้ำและจมหายไปในทะเลตลอดกาล Candide พยายามกระโดดลงไปช่วย แต่ก็ถูกอาจารย์ Pangloss มาห้ามไว้พร้อมกับบอกด้วยว่า อ่าว Lisbon นั้นถูกสร้างมาให้เพื่อให้ James นั้นจมน้ำตาย ระหว่างที่ทั้งสองกำลังถกเถียงเกี่ยวกับคำพูดของ Pangloss อยู่นั้นเรือก็ได้จมลงพร้อมกับผู้เคราะห์ร้ายทุกคนยกเว้น Candide Pangloss และกะลาสีเรือที่ทำให้ James นั้นจมน้ำหายไป กะลาสีเรือได้ว่ายเข้าไปที่ฝั่ง ส่วน Candide กับ Pangloss เกาะเศษไม้ลอยขึ้นฝั่ง

หลังจากที่พวกเขาพักจนตัวเองรู้สึกดีขึ้นแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าเดินทางไปที่ Lisbon พวกเขาเหลือเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อจะใช้ซื้ออาหารให้รอดตายจากที่รอดมาแล้วจากการจมน้ำ พวกเขามุ่งหน้าไปที่เมืองซึ่งในระหว่างทางพวกเขาก็คร่ำครวญเสียใจถึงการจากไปของ James

ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงการสั่นไหวที่ใต้เท้า ทะเลเกิดคลื่นขนาดใหญ่แล้วพัดมาใส่เรือที่อยู่ที่ฝั่งจนถูกทำลายไปหมด ลมร้อนและฝุ่นปกคลุมไปทั่วถนนและทุกที่ไม่ว่าจะเป็นหลังคาบ้าน ทางเท้า คนประมาณ 3 หมื่นคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ ผู้ชายผู้หญิงตายในซากเมืองนี้ กะลาสีเรือผิวปากพร้อมสบถออกมาว่า “มีของให้ปล้นได้มากมายที่นี่”

“จะมีเหตุผลใดที่เหมาะสมกับเรื่องนี้บ้าง” Pangloss เอ่ยขึ้น

“นี่คงจะเป็นวันสุดท้าย” Candile เอ่ยขึ้นพร้อมน้ำตา

กะลาสีเรือวิ่งไปที่ซากปรักหักพังค้นศพที่อยู่ที่นั่นแล้วเอาเงินออกมา พังเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งจากนั้นก็ไปหยิบเครื่องดื่มและอาหารชั้นดีที่เขาสามารถเจอได้ในซากปรักหังพังมากิน Pangloss ได้ดึงแขนเสื้อของกะลาสีไว้พร้อมกล่าว่า “สหาน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ท่านกำลังทำบาป สิ่งที่ท่านทำมันผิดจากหลักของศาสนา”

“อย่ามาบ้าหน่อยเลย” กะลาสีตอบกลับ “ข้าคือกะลาสีเรือ ข้าเกิดที่ Batavia 4 ครั้งที่ข้าไปญี่ปุ่นแล้วต้องเหยียบย่ำไม้กางเขน มันไม่เหลือแล้วแหละ”

หินบางก้อนหล่นมาโดน Candide บาดเจ็บ เขานอนอยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพัง

“อนิจจา หยิบไวน์กับน้ำมันมาให้ข้าที ข้ากำลังจะตาย” Candide บอก Pangloss

“การเกิดการกระทบกระแทกของโลกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่” Pangloss กล่าว “เมื่อปีที่แล้วก็เกิดเหตุการแบบนี้ที่ Lima ในอเมริกา ต้นเหตุเดียวกัน ผลลัพธ์เดียวกัน คงมีท่อที่เชื่อมกำมะถันระหว่างเมือง Lima กับ Lisbon เป็นแน่”

“มันคงจะไม่เกิดขึ้นอีก” Candide เอ่ยขึ้น “แต่มันเกิดขึ้นจากความรักของพระเจ้าเพื่อที่จะมอบไวน์และน้ำมันเหล่านี้เหรอ”

“ก็อาจจะเป็นไปได้” Pangloss ตอบ “ข้าคิดว่ามันเป็นเหตุเป็นผลที่ยกตัวอย่างได้”

จากนั้น Candide ก็สลบไป Pangloss ทำให้เขาได้สติอีกครั้งด้วยน้ำจากบ่อมาใกล้ๆ วันต่อๆมาพวกเขาคุ้ยซากปรักหักพังจนพบอาหาร พวกเขาใช้มันเพื่อทำให้ตัวเองกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาได้เข้าเจอกับผู้ที่อาศัยในเมืองที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนในกลุ่มผู้รอดชีวิตได้เลี้ยงอาหารเย็นพวกเขา ด้วยอาหารที่ดีที่สุดที่พวกเขาพอจะทำให้ได้ Pangloss ช่วยเยี่ยวยาจิตใจพวกเขาด้วยการให้เหตุผลนี่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อจะเกิดสิ่งที่ดีที่สุด

“สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นเพื่อจะทำให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุด การเกิดภูเขาระเบิดที่ Lisbon ไม่มีทางเป็นอื่นได้ มันเกิดขึ้นนั้นถูกต้องแล้ว” Pangloss กล่าว

เด็กหนุ่มในชุดดำได้เกิดข้อสงสัยและได้ถามขึ้นมาอย่างสุภาพว่า “เห็นได้ชัดว่า ท่านไม่ได้เชื่อเรื่องบาปสินะ ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แสดงว่ามันจะต้องไม่มีบาปหรือการลงโทษใดๆ”

“คำถามของท่านช่างดีเหลือเกิน ข้าขอตอบท่านดังนี้” Pangloss ตอบ “บาปและการลงโทษต่างๆนั้นจำเป็นเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีสุด”

“ท่านไม่เชื่อเรื่อง เจตจำนงเสรีหรือ” เด็กหนุ่มถามขึ้น

“เป็นสิ่งที่ดีมากที่ท่านถามข้า” Pangloss ตอบ “เจตจำนงเสรีนั้นเป็นสิ่งจำเป็น พวกเรานั้นเป็นอิสระที่จะตัดสินใจในระยะสั้น แต่สุดท้ายผู้กำหนดจะ ….”

Pangloss พูดถึงกลางประโยคในขณะที่เด็กหนุ่มได้เรียกคนรับใช้ของเขามารินไวน์ให้

คุยกันหลังแปล

ตอนนี้กำหมัดกว่าตอนที่แล้วแบบ ไอเ-ี้ย Plangloss จริงๆครับ คือแบบถ้าไม่ช่วยโดยว่าไม่ทันยังจะดีกว่ามาพูดแบบนี้ แต่พอเกิดเหตุการณ์ในเมือง Pangloss แม่งก็เป็นคนยึดมั่นในหลักการดี คือตัวละครแม่งมีมิติจริงๆ แล้วก็ตอนที่แล้วผมเข้าใจผิดว่าโรคติดต่อมันติดต่อแบบแค่สัมผัสผมเข้าใจว่าเป็นวัณโรค แต่จริงๆมันเป็นโรคซิเฟลิสครับ ซึ่งจากการอ่านใหม่แล้ว ตัวละครที่ติดกันเหมือนชายติดหญิงส่งต่อกันมา โอ้…. ตรงในอ้อมกอดแล้วรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ก็งงว่า แค่กอดมันขนาดนั้นเลยเหรอวะ คนยุคนั้นนี่สุดยอดจริงๆ แต่พอมาอ่าน อ้างอิงข้างล่าง อ่อ…… ตอนนี้ผมชอบตอนเด็กถามเรื่อง บาป เจตจำนงเสรี เฮ้ย นี่ดิ การคุยกันของนักปราชญ์ต้องแบบนี้ มันต้องขัดแย้ง หาข้อสรุป แต่ Pangloss ก็เหมารวมทุกอย่างว่ามันเป็นหนึ่งในเหตุเพื่อให้เกิดผลแบบ โอ้ กำหมัดเลยนะ ตอนเด็กหนุ่มถามว่า (ผมเข้าใจว่า Little man แปลว่าเด็กหนุ่ม) ท่านไม่เชื่อเรื่องการลงโทษเหรอ เฮ้ย นี่โคตรขัดแย้งแล้วนะ พอมาต่อด้วย เจตจำนงเสรียิ่งโคตรไปใหญ่ แบบเฮ้ยนี่แหละมีคนคิดเหมือนเราด้วยว่ะ เรื่องพรหมลิขิตกำหนดไว้แล้วผมชอบเถียงด้วยเจตจำนงเสรีนี่แหละ(ห่างกันตั้งหลายร้อยปี) แล้วก็ชั้นเชิงในการเขียนแบบ อยู่ดีๆตัดประโยคทิ้งประมาณบอกคร่าวๆเลยว่ามันจะพูดว่าอะไร เชี่ยอย่างเด็ด พึ่งเคยครั้งแรกเลย จริงๆผมอยากให้พวกหนังสือนอกเวลาที่แนะนำให้เด็กอ่านควรมีอะไรพวกนี้นะ ควรจะทำให้เด็กเกิดคำถาม เกิดความขัดแย้งกับสิ่งที่เชื่อ เขาจะได้มีความสงสัยใคร่รู้มากกว่าที่ปูทางให้เขาเชื่อตามสิ่งที่สังคมกำหนด

ref : https://ia800301.us.archive.org/25/items/candide19942gut/19942-h/19942-h.htm