What Caesar Did for My Salad - ตำนานอาหารโลก เบื้องหลังจานโปรดโดนใจคนทั่วโลก

What Caesar Did for My Salad - ตำนานอาหารโลก เบื้องหลังจานโปรดโดนใจคนทั่วโลก

What Caesar Did for My Salad - ตำนานอาหารโลก เบื้องหลังจานโปรดโดนใจคนทั่วโลก

หนังสือเล่มนี้ซื้อมาตอนงานหนังสือ(ออนไลน์) ซึ่งซื้อเพราะมันต้องซื้อให้ถึงราคานึงถึงจะได้โปรลด 15 - 20% จริงๆผมมีหนังสือที่อยากอ่านอยู่แล้วคือพวก Designing your work life หนังสือเล่มนี้เลยกลายเป็นของที่ซื้อไปเพื่อได้ส่วนลด แต่จริงๆก็กะซื้อมาอ่านเพิ่มความรู้เวลาไปคุยกับสาวด้วย คือผมมีปัญหาเกี่ยวกับคุยกับมนุษย์นอกสายคอมพิวเตอร์ คือเราไม่สามารถเอาหัวข้อที่เราทำงานไปคุยกับคนเหล่านั้นได้เลย (แต่ถ้าคุยกับคนสายงานเดียวกันนี่คุยกันเย็นก็คุยได้เรื่อยๆ) ก็เลยต้องหาหนังสือนอกสายมาอ่านบ้าง โอเคเรานอกเรื่องมาเยอะแล้วมาพูดถึงหนังสือเล่มนี้ดีกว่า หนังสือเล่มนี้พูดถึงที่มาของอาหารจานดังๆในโลกว่ามีที่มาอย่างไร ซึ่งต้องบอกว่าเขาใช้คำว่า “ตำนาน” ดังนั้นอาจจะไม่ตรงกับที่คุณได้ยินมาเพราะบางทีเรื่องเล่าที่คุณฟังมาอาจจะเป็นอีกเวอร์ชันนึงซึ่งหนังสือเล่มนี้เล่าแทบทุกเวอร์ชันของที่มาพร้อมบอกว่าอันไหนน่าเชื่อถือที่สุด (ส่วนใหญ่หนังสือให้ค่าความเชื่อถือมาจากการมีบันทึกเป็นตำราอาหาร หรือหนังสือพิมพ์เป็นหลัก)

แฮมเบอร์เกอร์ : อาหารเยอรมันที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกา

ตอนอ่านครั้งแรกนี่แบบใช่เหรอวะ มั่วรึเปล่าแต่พออ่านเขาก็มีหลักฐานมายืนยันว่ามันมาจากชาวเยอรมันที่อพยพจากเยอรมันมาอเมริกา โดยเดินทางผ่านบริษัท Hamburg America Line เข้ามา โดยชาวเยอรมันเอาอาหารประเภทเนื้อบดกินกับขนมปังมาของบ้านเกิดมาด้วย ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากคนอเมริกามาก คราวนี้เนื่องจากไม่รู้ชื่อว่ามันคืออาหารอะไรก็เลยตั้งชื่อว่า Hamburgers (ผู้เดินทางมากับ Hamburg America Line) พอมารู้ที่มาของชื่อแบบนี้แล้วก็แบบเฮ้ยมึงตั้งชื่ออาหารกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอวะ

แซนด์วิช : แซนด์วิชคือชื่อเมือง ส่วนคนที่คิดคือผู้ปกครองเมืองนั้น

ตอนอ่านครั้งแรกแบบใช่เหรอวะ (อีกแล้ว) แต่พอมาอ่านมันมากจากคำว่า sand ที่แปลว่า ทราย wic แปลว่าหมู่บ้าน มันเลยเป็นหมู่บ้านทราย (หมู่บ้านนี้ติดทะเลนะครับ) ซึ่งการที่เป็นหมู่บ้านติดทะเลเลยกลายเป็นเมืองท่าแถมเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญในอังกฤษจนมีการตั้งคนมาปกครองเมืองนี้โดยเฉพาะ ซึ่งคนที่ครองเมืองนี้คนที่ 4 เป็นคนที่เอาแต่เล่นการพนันโดยเฉพาะไพ่เป็นชีวิตจิตใจจนขนาดที่ไม่ไปกินข้าวที่ไหนนั่งเล่นไพ่อย่างเดียว คราวนี้เวลากินอาหารจะใช้มือจับอาหารเข้าปากมือก็เลยเปื้อน พอมือเปื้อนก็เลยทำให้คนรู้ว่าไอหมอนี่มันถือไพ่อะไร หลังจากที่มีการคืนไพ่เข้าสำรับ พอรู้ก็พอเดาได้ว่าไอหมอนี่ชอบเล่นไพ่สไตล์ไหนซึ่งอาจทำให้แพ้ได้ แกก็เลยคิดวิธีกินอาหารโดยมือไม่เปื้อนเลยเอาขนมปังมาใช้จับแทน (แบบนี้ก็ได้เหรอวะ) ซึ่งวิธีการนี้เป็นการแพร่หลายเอามากๆจนเรียกเลยเรียกอาหารแบบนี้ว่า แซนด์วิช ตามชื่อการคนที่ครองเมืองแซนด์วิชที่ติดพนันท่านนั้น

พาย : เป็นชื่อนกที่ชอบสะสมอาหาร

ใช่ครับมันมาจากนกชื่อ แม็กพาย ซึ่งชอบเก็บสะสมอะไรหลายๆอย่าง โดยพายสมัยก่อนนั้นมีไส้ที่หลากหลายเนื้อ ผัก ผลไม้ ต่างๆนาๆใส่รวมเข้าไป โดยเขาจะไม่กินแป้งที่หุ้มพายไว้เขาจะกินเฉพาะไส้ข้างใน ซึ่งแป้งพายในยุคนั้นแข็งมากไม่ได้มีไว้กิน แต่มีไว้เพื่อรักษาอาหารข้างใน ว่าง่ายๆไม่ให้อากาศเข้าไปในไส้ดังนั้นแป้งจึงเป็นการถนอมอาหารไม่ได้มีไว้กิน จนมาถึงในปัจจุบันค่อยๆเปลี่ยนให้แป้งที่หุ้มพายกินได้

ฟิสแอนด์ชิปส์ : ปลาไม่ถือว่าเป็นเนื้อ

ตอนอ่านเรื่องนี้คือแบบได้เหรอวะ คือในอังกฤษมีการรณรงค์ให้ไม่คนในศาสนาคริสต์เนี่ยละเว้นการกินเนื้อสัตว์ (พึ่งรู้ว่าคนคริสต์ก็มีการละเว้นเนื้อสัตว์แบบนี้) แต่ด้วยความอยากกินของคน (แหม่ก็เนื้อมันอร่อยๆอะนะ) ก็เลยไปอ่านพระคัมภีร์ก็พบว่า ปลา ไม่จัดว่าเป็นเนื้อสัตว์ครับ เขาก็เลยปิ้งไอเดียเอาปลามาทอดขายกันในวันศุกร์ ซึ่งก็น่าจะรู้นะครับว่ามันจะขายดีขนาดไหน จนฟิสแอนด์ชิปส์เนี่ยเป็นอาหารยอดนิยมอันดับต้นๆของอังกฤษไปเลย

สรุป

หนังสือเล่มนี้เล่าที่มาของอาหารจานดังๆบนโลกว่ามีที่มาอย่างไร ซึ่งบางเรื่องก็ทำให้ช็อกเอามากๆ อย่างซีซาร์สลัดเนี่ยมันไม่ได้จาก จูเลียต ซีซาร์ แต่มาจากอะไรลองไปซื้อมาอ่านดู แถมเมื่อมันพูดถึงอดีตที่มาของอาหารย่อมมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางประวัติศาสตร์ให้เราได้รู้ด้วย เช่น เฟรนช์ฟรายส์เคยถูกเปลี่ยนชื่อเป็นฟรีด้อมฟรายส์เพราะกระแสต่อต้านฝรั่งเศสในสหรัฐอเมริกา หรือ ราชวงศ์อังกฤษในปัจจุบันเนี่ยจริงๆนั้นแทบจะมาจากเยอรมันเลยทีเดียว ชื่อพระราชวังวินเซอร์เนี่ยสมัยก่อนมันมีชื่อเป็นภาษาเยอรมัน แต่เมื่อเกิดสงครามโลกชาวอังกฤษก็เกิดการต่อต้านอะไรที่เกี่ยวกับเยอรมันด้วย โดยเฉพาะราชวงศ์อังกฤษที่แน่นแฟ้นกับเยอรมันมาก ด้วยเหตุนี้ราชวง์อังกฤษจึงต้องแสดงความจริงใจโดยการทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อแสดงว่าตนอยู่ข้างอังกฤษ ซึ่งหนึ่งในการกระทำนั้นคือการเปลี่ยนชื่อพระราชวังด้วย ส่วนข้อเสียในการอ่านหนังสือเล่มนี้คือถ้าคุณไม่รู้จักอาหารที่เขาเล่าให้ฟังเราจะงงเลย แบบผมไม่รู้จักพวก พุดดิ้งปลาไหลงี้ บลัดแมรี่งี้ กราแตงงี้ อ่านแล้วแบบเฮ้ยอาหารอะไรวะ ความอินกับมันก็จะลดลง แต่ถ้าเป็นอาหารที่รู้จักแบบที่ผมเล่าข้างบนเนี่ยเราจะอินกับมันทันที สำหรับใครที่ชอบกินอาหารต่างประเทศ ผมก็แนะนำหนังสือเล่มนี้ให้อ่านเลย เพราะคุณจะรู้สึกอินและสนุกกับที่มาชวนประหลาดใจในหลายๆเรื่อง ส่วนใครที่กะซื้อมาอ่านเพราะคิดว่าจะเกี่ยวกับวิธีการทำอาหารอันนี้ผมก็ไม่แนะนำให้ซื้อมาเลยเพราะไม่มีสูตรอาหารใดๆทั้งสิ้นในหนังสือเล่มนี้