Mook - Wisdom

ทำไมน้องคนนี้หน้าคุ้นจัง

ทำไมน้องคนนี้หน้าคุ้นจัง เป็นความคิดแรกที่ได้เห็นหน้าน้องคนนี้ ซึ่งคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าไปเห็นที่ไหน ไอดอลเก่ารึเปล่า หรือเคยเป็นรุ่นน้อง หรือเคยแสดงละครที่ไหนรึเปล่า ก็เลยเป็นที่มาของการไปเชกิครั้งกับน้องเขา ซึ่งก็ถามน้องเขาไปว่า เคยทำอะไรแบบนี้รึเปล่าซึ่งน้องก็ตอบว่า “ไม่เคยเลย” เคยแต่เป็นพิธีกรแต่พี่ไม่น่าเคยได้ดูหรอก

จริงๆเรื่องมันควรจบแค่ถ่ายรูปกับน้องเขาแล้วได้คำตอบแล้ว และน้องเองก็ไม่ใช่สายที่ชอบซะด้วย (แนวที่ชอบคือสาวแว่น) แต่พอได้เจอความน่ารัก คุยเก่ง ด้วยแล้วก็เลยคิดว่ารอบหน้าลองทำความรู้จักเพิ่มอีกดีกว่า

ยิ่งตามยิ่งเจอความน่ารัก

น้องมุกเป็นผู้หญิงที่น่ารัก ตลก แถมชวนคุยเก่ง ตอนแรกดูเหมือนโก๊ะๆ เป็นผู้หญิงที่ไม่คิดอะไรมาก แต่พอได้ทำความรู้จักจะเห็นว่าน้องมุกเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลมากๆ เป็นความแปลกที่หายากในผู้หญิงทุกคนที่เคยรู้จักมา เพราะปกติเจอคนที่มีเหตุผลมากๆก็จะเป็นผู้หญิงเงียบๆไม่ค่อยคุยสักเท่าไหร่

พอได้ติดตามไม่ว่าจะเป็นไปเชกิ ดูไลฟ์ วิดีโอคอล ก็ยิ่งชอบความเป็นตัวเองของน้องมุก เดี๋ยวน่ารัก เดี๋ยวมีเหตุผล ดูเป็นผู้ใหญ่และเด็กในเวลาเดียวกัน ได้เห็นความสดใสความน่ารักในการใช้ชีวิตของน้องเขาก็ถือเป็นพลังบวกที่เข้ามาในชีวิตคนที่ปล่อยพลังงานลบตลอดเวลา

เวลาการเป็นไอดอลมันสั้น

เพื่อนผมคนนึงที่อยู่ในวงการไอดอลมานาน (ตามทั้งไทย ทั้งญี่ปุ่น) พูดเสมอว่า เวลาการเป็นไอดอลมันสั้น อยากทำอะไร อยากเจอเขา อยากให้ของขวัญเขาก็ทำซะ ซึ่งก็จริงอย่างเพื่อนว่าเพราะไอดอลที่ผมตามเนี่ยอยู่ประมาณ 1 ปี กับน้องมุกก็เช่นกัน จริงๆก็เสียดายเพราะยังอยากจะทำความรู้จักกับน้องเขามากกว่านี้ ก็เลยนึกถึงเรื่องที่ตัวเองอยากทำ เออให้ของขวัญลาน้องเขาหน่อยดีกว่า แต่จะซื้อตุ๊กตาก็ไม่ค่อยอยากซื้อเท่าไหร่ เพราะคนน่าจะซื้อให้เยอะแล้ว เลยลองมานึกดูว่าชอบอะไรบ้าง เลยนึกได้ว่าน้องเคยเล่าว่าชอบอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือ ก็เลยตัดสินใจเป็นให้หนังสือดีกว่า คราวนี้คำถามถัดไปคือหนังสืออะไรดีล่ะ พอมานึกดูน้องเคยเล่าต่อว่าเคยอ่านเจ้าชายน้อย ซึ่งเจ้าชายน้อยคือหนังสือปรัชญา ถ้าพูดถึงหนังสือปรัชญาที่เราอ่านแล้วชอบที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่อง “สิทธารถะ” ซึ่งเป็นหนังสือที่มอบมุมมองที่แตกต่างที่หนังสือส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึงกัน พอได้หนังสือคราวนี้ก็คิดต่อว่าจะให้อะไรอีกดี พอมองไปที่กองของขวัญที่เตรียมไว้ใช้ในอนาคต (ปกติผมชอบซื้อของที่ตัวเองเห็นแล้วชอบมาเก็บไว้ เผื่อได้ใช้เป็นของขวัญให้ใครสักคน) แล้วเห็นที่คั่นหนังสือที่ซื้อมาจากจีน โอเคได้ของขวัญอีกชิ้นละ สุดท้ายจะเอาไปให้เลยมันก็ดูแปลกที่ไม่ห่ออะไรเลย แต่ถ้าจะห่อแบบธรรมดาโดยให้คนอื่นห่อให้มันก็ไม่ใช่ตัวผม ปกติผมจะให้ของใครผมจะพยายามทำมันด้วยตัวเอง เป็นอีโก้บ้าๆที่คิดว่าถ้าเราพยายามทำอะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจแม้มันจะไม่สวย คนรับน่าจะสัมผัสได้ (ซึ่งไม่มีใครรู้หรอก) ก็เลยตัดสินใจห่อเองโดยใช้ผ้าแบบญี่ปุ่น เพราะผู้มันนุ่มนิ่มและยังให้ผ้ากับน้องด้วย เผื่อน้องจะเอาไปห่อต่อหรือเอาไปทำผ้าเช็ดหน้า

พอทำทั้งหมดแล้วก็รู้สึกว่ายังขาดอะไรไปซึ่งนั่นก็คือการ์ดอวยพร พอคิดว่าจะต้องเขียนด้วยมือแล้วความคิดที่โผล่ขึ้นมาคือ “ไม่น่ารอดว่ะ” ก็เลยเปลี่ยนไปเป็นทำเป็น Web ดีกว่า ก็เลยทำเว็บขึ้นมา Web นึงให้น้องเข้ามาอ่านแทนการ์ดอวยพร

วันงาน

วันงานวันนั้นก็ไปถ่ายเชกิกับน้องตามปกติ แล้วก็นั่งดู Last stage ที่น้องขึ้นแสดง ซึ่งวันนี้ได้อยู่ตรงกลางเด่นมาก วันนั้นน้องเต้นได้น่ารักมาก(มีเต้นผิดด้วย ฮ่าๆๆๆๆ) หลังจากแสดงเสร็จเราก็ไปเชกิกับน้องอีกรอบ

โปรแกรเมอร์ : รูปนี้น่าจะรูปสุดท้ายแล้วนะ

น้องมุก : ใช่น่าจะรูปสุดท้ายแล้ว

โปรแกรมเมอร์ : พี่คงไม่ได้เจอเราอีกแล้วสิ

น้องมุก : เศร้าเลย เก็บรูปไว้ดูนะคะ

โปรแกรมเมอร์ : พี่มีของจะให้

น้องมุก : โหอะไรอะ ห่อเองเลยเหรอ แกะเลยได้รึเปล่า

โปรแกรมเมอร์ : ใช่พี่ห่อเองแหละ อาจจะไม่สวยนะ ในนั้นมี QR Code อย่าลืม Scan นะ

น้องมุก : เดี๋ยวค่อยแกะ ไว้เดี๋ยวจะแสกนนะ

โปรแกรมเมอร์ : แล้วเจอกันใหม่ในโอกาสหน้านะ

จริงๆก็ไม่ควรประโยคทีว่า “แล้วเจอกันใหม่ในโอกาสหน้านะ” เพราะผมคิดว่าผมคงไม่มีโอกาสได้เจอน้องเขาอีกแล้วแหละ เพราะคนที่อยู่แต่บ้าน ที่ทำงาน และห้องสมุด (พึ่งเป็นสมาชิกได้ไม่นาน) คงไม่มีได้เจอกับน้องเขาแน่นอน

กลับสู่ความจริง

การไปงานไอดอลอะไรพวกนี้เหมือนการไปเที่ยว เป็นการไปพักผ่อน ไปคุยกับผู้หญิงที่ตัวเองชอบ แต่พอเวลาหมดก็เหมือนต้องกลับไปอยู่กับความจริง ต้องไปทำงานที่แสนน่าเบื่อ ไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อน แถมรอบนี้ยังแย่กว่าเดิมตรงที่เราไม่สามารถเจอน้องเขาในรูปแบบนี้ได้อีกแล้ว จริงๆผมอยากจะเขียนมุมมองของผมต่อการมาทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่รอคนที่ตามเลิกเป็นไอดอลและผมเลิกทำอะไรแบบนี้แล้วค่อยมาเขียนสรุปทีเดียว ก็เลยรู้สึกเศร้าๆแบบแปลกๆ

อย่างน้อยก็อ่าน

วันต่อมาก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ย ไอ QR ที่ให้ไปน้องจะ Scan เข้าไปได้หรือเปล่า ก็เลยตัดสินใจส่ง Link ไปให้น้องเขาทาง Inbox (กันดราม่า เวลาที่ส่งคือน้องจบออกจากวงแล้ว ผมเลยสามารถส่ง Message ไปคุยกับน้องได้ ไม่ผิดกฏนะครับ) ไม่นานน้องก็ตอบมาว่า “อ่านแล้ว ขอบคุณพี่มากๆเลยนะคะ” พอเห็นว่าน้องเขาไปอ่านแล้วก็รู้สึกดีใจที่น้องได้อ่าน อะไรที่เราอยากทำเราทำไปหมดแล้ว ในอนาคตถ้าผมมองกลับมาผมก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว