นาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนด์ - Narcissus and goldmund

นาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนด์ - Narcissus and goldmund

นาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนด์ - Narcissus and goldmund

หลังจากได้อ่านเรื่อง “สิทธารถะ” แล้วรู้สึกประทับใจอย่างมากเลยจดชื่อผู้เขียนซึ่งก็คือ “Hesse, Hermann” แล้วไป Search ต่อดูว่ามีหนังสือเล่มไหนที่เขาแต่งอีกบ้าง ซึ่งก็ได้เจอกับเรื่อง “นาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนด์” ที่ยังไม่มีคนยืม ซึ่งพอมาเห็นขนาดของหนังสือแล้วหนากว่าสิทธารถะเกือบ 2 เท่า ก็เล่นเอาหวั่นใจเหมือนกันว่าจะอ่านจบไหม แต่พอได้เริ่มอ่านก็รู้สึกสนุกหยุดไม่อยู่อยากจะรู้ความเป็นไปของตัวละครว่าสรุปสุดท้ายชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร

ชายสองคนที่แตกต่าง

นาร์ซิสซัส ชายหนุ่มผู้คงแก่เรียนแม้อายุยังน้อยแต่มีความรู้เทียบเท่ากับนักบวชชั้นสูงที่มีอายุมากกว่านาร์ซิสซัสมุ่งมั่นในทางธรรม ต้องการจะรับใช้พระเจ้า เดินตามทางของพระเจ้าที่บริสุทธ์ ส่วน โกลด์มุนด์ เด็กหนุ่มที่ถูกพ่อส่งมาเรียนที่วัดเพื่อหวังให้เป็นบวชเป็นพระรับเจ้าพระผู้เป็นเจ้า โกลด์มุนด์เป็นหนุ่มรูปงาม ประมาณว่าหญิงเห็นแล้วต้องมอง ถ้าเทียบความหล่อสมัยนี้ก็คงหนุ่มเกาหลีที่สาวไทยเห็นแล้วกรี๊ดนั่นแหละ นอกจากรูปงามแล้วโกลด์มุนด์ยังเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับคนง่าย ดังนั้นเขาจึงเป็นที่รักใคร่ของทั้งเหล่านักบวชและเพื่อนที่เรียนร่วมกัน แตกต่างจากนาร์ซิสซัสที่เป็นคนเงียบขรึม พูดคุยกับคนเท่าที่จำเป็น จึงทำให้สองคนนี้มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก แต่ความแตกต่างนี้กลับดึงดูดกันและกัน นาร์ซิสซัสมองเห็นความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับโกลด์มุนด์ เขามองเห็นว่าโกลด์มุนด์นั้นไม่เหมาะกับการที่จะเป็นนักบวช แต่การที่มาอยู่ที่นี่นั้นเป็นเพราะถูกพ่อปลูกฝังให้อยากเป็นนักบวช เขาจึงพยายามเฝ้ามองและชี้นำให้โกลด์มุนด์เลือกทางที่ตัวเองควรเป็น ส่วนโกลด์มุนด์หลงใหลในความเก่งของนาร์ซิสซัส อยากเก่ง อยากรับใช้พระเจ้าแบบนาร์ซิสซัส ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนผู้มีความแตกต่างจึงเริ่มสนิทกัน

นิยายเกย์ปะวะ

เอาจริงๆผมอ่านช่วงบทแรกๆนี่โคตรหวั่นเลยนะว่าจะกลายเป็นนิยายเกย์ (ผมไม่ได้บอกว่านิยายเกย์ไม่ดี แต่ผมไม่ได้คาดหวังอ่านแนวนี้จากหนังสือเล่มนี้) แต่มันเป็นอะไรที่หักจากที่คิดไปเยอะมาก เล่นเอาซะแบบนิยายรักแนว Playboy หนุ่มเจ้าสำราญนี่กระจอกไปเลย ถ้าอยากรู้ว่าทำไมลองไปหาอ่านดูครับ คุณจะรู้ถึงความสุดในการดำเนินชีวิตของคนคนนึง เป็นชีวิตสุดขั้วที่ผมคิดว่าน่าจะลองใช้บ้าง

การใช้ชีวิตไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว

ในเรื่องนี้พยายามบอกเราว่าการใช้ชีวิตนั้นไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว ผ่านการที่นาร์ซิสซัสพยายามชี้ให้โกลด์มุนด์เห็นว่าเขาไม่เหมาะกับการเป็นนักบวชและควรไปใช้ชีวิตแบบที่เขาควรจะเป็น ซึ่งเป็นการบอกผู้อ่านเป็นนัยๆว่า เฮ้ นาย ชีวิตนายไม่จำเป็นต้องเดินตามทางที่คนในสังคมบอกว่าดีนะ เช่น การบวชเป็นนักบวช เป็นหมอ เป็นทนาย เป็นแพทย์ นายควรเดินหาทางนั้นด้วยตัวเอง ทางที่นายคิดว่าดีที่เหมาะสมกับตัวนายเอง

ทุกการใช้ชีวิตมีข้อดีข้อเสีย

หนังสือไม่ได้สรรเสริญเยินยอการใช้ชีวิตแบบนักบวช ดูได้จากการเล่าเรื่องที่ชื่อหนังสือจะชื่อว่า นาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนด์ เหมือนเรื่องจะเน้นหนักไปที่นาร์ซิสซัสที่ชื่อขึ้นก่อน แต่กลายเป็นหนังสือเล่าเรื่องของโกลด์มุนด์เยอะมาก เยอะจนแบบคนที่ชอบนาร์ซิสซัสอย่างนี่รอจนเหงือกแห้งเลยกว่าจะโผล่ออกมา หนังสือเล่าการใช้ชีวิตของโกลด์มุนด์ว่าต้องเจอกับอะไร บางเรื่องเป็นเรื่องโคตรน่าอิจฉา แต่บางเรื่องก็น่าเวทนา ทุกอย่างมีได้มีเสีย สิ่งที่เสียทดแทนสิ่งที่ได้ ทั้งสองมุมทำให้ทุกอย่างสมดุล เป็นการบอกเราว่าคุณเลือกจะใช้ชีวิตแบบไหน คุณก็ต้องเตรียมรับสิ่งที่คุณไม่ชอบที่มาจากการใช้ชีวิตแบบนั้นด้วย

อ่านแล้วได้อะไร

สำหรับเล่มนี้อ่านแล้วทำให้เราเห็นว่าเราควรใช้ชีวิตตามทางที่เหมาะสมกับตัวเรา เราควรศึกษาตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหน ซึ่งการศึกษาตัวเองอาจจะเป็นการลองใช้ชีวิตเพื่อดูว่าใช่ไหม เราชอบไหม สนุกไหม กับการใช้ชีวิตแบบนั้น แต่หนังสือก็เตือนเหมือนกันว่าการใช้ชีวิตในรูปแบบนั้นอาจพบพากับเรื่องที่คุณอาจจะไม่ชอบ นำพาปัญหา ความเจ็บปวด ทั้งทางกายและทางใจมาให้กับเราเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเลือกแล้วควรจะเตรียมพร้อมรับทั้งสุขและทุกข์ เรียนรู้ว่าการจะใช้ชีวิตแบบนั้นต้องทำอะไรบ้าง จริงๆมันมีเรื่องที่น่าเล่ามากมาย มุมมองของโกลด์มุนด์ที่อยากจะเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิงนั้นรักเขาแต่ทำไมต้องกลับไปหาผู้ชายที่ทุบตีเธอ ความสุขของการลงหลักปักฐานกับการพเนจรที่แตกต่างกัน การรักใครสักคนโดยไม่หวังผลตอบแทนและหวังผลตอบแทน ความหวังและความสิ้นหวัง การยอมตายเพื่อบูชาศักดิ์ศรีนั้นมีค่าอะไร ทำไมถึงต้องทำ บางครั้งชีวิตก็มีค่ามากพอที่จะฆ่าคนอื่นเพื่อให้ได้มีชีวิตอยู่ แต่บางครั้งมันกลับไม่มีค่าจนไม่ยอมจะมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งที่ชีวิตนั้นคือชีวิตเดียวกัน แค่ต่างเวลาต่างประสบการณ์ มันมีเรื่องน่าสนใจที่คุยกันได้สนุกมาก แต่ถ้าเล่าแล้วเนี่ยมันจะสปอยเนื้อเรื่องและทำให้พอคุณไปหามาอ่านแล้วความสนุกมันจะลดลง ดังนั้นไปหามาอ่านกันเถอะครับ ผมเชื่อว่าการอ่านแล้วน่าจะให้อะไรกับคุณเยอะอยู่เหมือนกัน ส่วนข้อเสียของหนังสือเล่มนี้คือเขาบรรยายเรื่องสภาพแวดล้อมและอารมณ์เยอะมาก ถ้าคนเป็นคนพวกที่ชอบอ่านแล้วคิดตามให้เห็นภาพน่าจะชอบ แต่ผมเป็นพวกอ่านแล้วเอาเนื้อเรื่อง เอาความสนุกจากบทสนทนาและการหักกันด้วยความคิด พอมาเจอแบบนี้แล้วทำให้อ่านบางส่วนแล้วรู้สึกโคตรน่าเบื่อเลยทีเดียว