สเตปเปนวูล์ฟ - Steppenwolf

สเตปเปนวูล์ฟ - Steppenwolf

สเตปเปนวูล์ฟ แค่ชื่อหนังสือก็ดูแปลกๆแล้วมันเกี่ยวกับอะไรวะแถมปกก็ดูแบบไม่สื่ออะไรเกี่ยวกับตัวเรื่องเลย ถ้าโดยปกติแล้วผมคงไม่หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน (ผมพึ่งมาเข้าใจว่าทำไมปกกับชื่อเรื่องถึงสำคัญก็ตอนที่หนังสือมันมีเยอะมากๆและเรามีเวลาน้อย) แต่ด้วยเรื่องนี้ถูกเขียนโดย Hermann Hesse คนเดียวกับที่เขียน สิทธาระถะ , นาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนด์ ที่อ่านแล้วได้เห็นโลกในมุมใหม่ๆก็เลยเลือกยืมมาอ่าน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะสเตปเปนวูล์ฟนั้นได้ให้มุมมองแนวคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต ชี้ให้เห็นความบ้าคลั่งของจิตใจ ซึ่งผมบอกเลยว่า Hermann Hesse นั้นเข้าใจสภาพจิตใจของคนที่เป็น “สเตปเปนวูล์ฟ” ได้อย่างถ่องแท้และอธิบายได้เห็นภาพจริงๆ

ชายผู้อยากฆ่าตัวตาย

สเตปเปนวูล์ฟพูดถึงตัวเอกที่ชื่อแฮรี่ผ่านบันทึกของเขาที่ได้ทิ้งไว้ก่อนที่จะย้ายออกไปโดยไม่บอกกล่าว โดยบันทึกนั้นเล่าเกี่ยวกับสภาพจิตใจความคิดประสบการณ์บางอย่างของเขาในช่วงที่มาพักอยู่ในเมืองที่เขาได้ทิ้งบันทึกไว้ ตัวบันทึกอธิบายว่าแฮรี่นั้นเป็นชายอายุ 40 ปลายๆร่างกายไม่แข็งแรงเป็นโรคเก๊าท์ มีฐานะดีประมาณว่าเขาไม่ต้องทำงานก็สามารถอยู่ได้ไปจนตาย หากตัดปัญหาเรื่องสุขภาพทิ้งแฮรี่ควรจะเป็นบุคคลที่น่าจะมีความสุขที่หลายคนอิจฉาเพราะไม่ต้องทำงาน อยากจะพักผ่อนไปเที่ยวไหนก็ได้ตามใจปรารถนา แต่ในความจริงแฮรี่นั้นมีปัญหาทางด้านจิตใจ เขาคิดต้อการอยากจะฆ่าตัวตายอยากจะจบชีวิตลง ซึ่งหากมองในมุมนี้เราอาจจะมองว่าแฮรี่เป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าครับ การที่เขาอยากฆ่าตัวตายนั้นมีผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผลไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพียงเพราะฮอร์โมนในร่างกายไม่ปกติ

การต่อสู้กันของสองวิญญาณ

แฮรี่อธิบายว่าตัวเขานั้นเป็นสเตปเปนวูล์ฟหมาป่าเดียวดาย เขาอธิบายว่าคนหมู่มากในสังคมนั้นเป็นชนชั้นกลาง ชนชั้นกลางถ้ามองในฐานะก็คือคนที่มีอันจะกินแต่ก็ไม่ได้รวยระดับขุนนาง พอมีพอกิน มีบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนในเรื่องของจิตใจนั้นชนชั้นกลางก็คือกลางจริงๆคือ คนกลุ่มนี้จะไม่มัวเมาลุ่มหลงในกิเลสตัณหาจนถอนตัวไม่ขึ้น แต่เขาก็ไม่พยายามไปถึงการหลุดพ้นตามความเชื่อทีต้องใช้ความพยายาม ความอุสาหะ ชนชั้นกลางจะอยู่กลางๆ ไม่ลุ่มหลงมัวเมาแต่ก็ไม่อยากหลุดพ้น ฉันขอมีความสุขอยู่ในสภาพแบบนี้ ดังนั้นชีวิตของชนชั้นกลางจะเหมือนถูกดึงไปดึงมาด้วยด้านดีและด้านไม่ดี แต่คนส่วนใหญ่นั้นสามารถจัดการการถูกดึงไปดึงมานี้ได้โดยง่าย แต่แฮรี่นั้นต่างออกไปเขานั้นรู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นมีการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือหมาป่าผู้มีความดิบเถื่อน อยากจะอิสระ ไม่แคร์ใคร อยากกระทำตามความรู้สึก จะไม่ทนต่อมารยาท วัฒนธรรมใดๆ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายมนุษย์ ผู้มีมายาท นึกถึงคุณงามความดี ฝักใฝ่ด้านจิตวิญญาณ ทุกครั้งไม่ว่าเรื่องใดจะมีการต่อสู้ของทั้งสองฝั่ง บางครั้งฝั่งหนึ่งก็ชนะแต่ไม่ใช่การชนะที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ฝ่ายแพ้แค่หลบซ่อนรอช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะออกมาแย่งชิงการกระทำและความคิดของแฮรี่

ด้วยสภาพแบบนี้แฮรี่จึงแตกต่างจากคนอื่นแปลกแยกจนกลายเป็นสเตปเปนวูล์ฟนั่นเอง และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนขั้วการความคิดอย่างรุนแรงตัวอย่างเช่น การละทิ้งศรัทธาความเชื่อกลายเป็นคนไร้ศีลธรรม แฮรี่จะทุกข์ทรมานกับการสูญเสียศรัทธาและความเชื่อนั้น แต่ไม่นานเขาจะมีความสุขมากกว่าเดิมเมื่อเขาได้เริ่มมีศรัทธาใหม่ ซึ่งเป็นศรัทธาที่มั่นคงกว่าลึกซึ้งกว่า แต่ไม่นานศรัทธานั้นก็จะถูกทำลายทำให้เขากลับไปทุกข์ทรมานซ้ำอีกและมันจะทุกข์ทรมานมากกว่าครั้งที่แล้ว แฮรี่บอกว่าเขาพบเจอกับประสบการณ์นี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเขาคิดว่าเขาไม่อยากจะอยู่ในวังวนนี้อีกต่อไปแล้ว เขาจึงคิดว่าเขาควรจะจบชีวิตตัวเองซะเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากวังวนนี้

โรงละครสำหรับคนบ้า

แฮรี่ได้พบกับสิ่งที่เรียกว่าโรงละครสำหรับคนบ้าจากประสบการณ์แปลกๆที่เขาได้เห็นตัวอักษรเรืองแสงประหลาด ชักนำให้เขาได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเขียนเกี่ยวกับชายคนหนึ่งซึ่งมีอาการแบบเดียวกับแฮรี่เลย แต่ในหนังสือตอนหลังนั้นกลับหัวเราะกับคนที่คิดแบบแฮรี่ ในหนังสือบอกว่ามันง่ายที่คุณจะบอกว่าคุณมีแค่ 2 วิญญาณ จริงๆแล้วคนเรามีวิญญาณมากมาย มีบุคลิกมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ในตัวเรา แค่มองไปที่หมาป่า หมาป่าก็มีตั้งแต่หมาป่าที่ดุร้ายสุดๆ แต่มันก็มีหมาป่าที่ไม่ดุร้าย หมาป่าที่ขี้กลัว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องบ้ามากๆที่คุณจะบอกว่าคุณมีแค่ 2 วิญญาณ จากนั้นเหตุการณ์แปลกๆนำพาเขาไปพบกับเรื่องราวๆต่างๆที่นำพาเขาไปสู่การเรียนรู้ชีวิตที่เขาไม่เคยเห็น ไม่เคยเป็น และนำพาเขาไปพบโรงละครสำหรับคนบ้า

อ่านแล้วได้อะไร

สำหรับผมเรื่องนี้อ่านแล้วเหมือนเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง เป็นคนที่เหมือนจะมีสองขั้วอำนาจสู้กัน มันไม่ใช่ขั้วอำนาจแบบคนดีคนไม่ดีจะทำการบ้านไม่ทำการบ้าน แต่มันเป็นขั้วอำนาจเหมือนในเรื่อง ตอนที่แฮรี่อธิบายการล่มสลายของศรัทธา ผมนี่เข้าใจมันเป็นอย่างมากเพราะเคยมีศรัทธานั้นและศรัทธานั้นล่มสลายไปเพราะด้านหมาป่านั้นทำให้ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องที่ประดิษฐ์สร้างขึ้นมาเป็นหน้ากากใส่หากัน มันเป็นความเจ็บปวดที่สิ่งที่เราศรัทธาเชื่อถือปฏิบัติตามนั้นเหมือนเรื่องโกหกมันเจ็บปวดจริงๆ แต่ผมก็ยังไม่ถึงขั้นแฮรี่ที่สามารถนำศรัทธากลับคืนมาได้และทำให้มันสูญสลายอีกครั้ง

การอ่านหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนการทำความเข้าใจตัวเอง เห็นตัวเองและสิ่งที่ตัวเองอาจจะเป็น แต่ที่ดีกว่านั้นคือหนังสือได้ให้มุมมองใหม่ มุมมองที่ว่าเราไม่ได้มีแค่สองขั้ว ยังมีอีกหลายวิญญาณที่เราเป็นได้ ไม่ได้มีแค่คนดีที่สุดและหมาป่า เราควรจะลองศึกษาและดูว่าตัวตนวิญญาณเหล่านั้นเป็นอย่างไร ลองทำความเข้าใจ เพื่อเป็นบทเรียนของชีวิต

สุดท้ายตอนจบเป็นยังไง แฮรี่จะตายไหม แฮรี่จะได้คำตอบของการใช้ชีวิตไหม และสุดท้ายคุณจะได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้นั้น ไปลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูครับ ผมรับรองว่าคุณน่าจะได้อะไรมากกว่าความบันเทิงแน่นอน (อาจจะเป็นความปวดหัวในการตีความ)