LUNA - The Immersive Musical Experience

LUNA - The Immersive Musical Experience

ความคิดเห็นส่วนตัว : เป็นละครเวทีที่สนุกถ้าคุณชอบความสมจริงในการรับรู้เนื้อเรื่อง

LUNA - The Immersive Musical Experience

ผมรู้จักละครเวทีเรื่อง LUNA จากการที่น้องที่รู้จักได้ไปแสดงในละครเวทีเรื่องนี้ พอไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับละครเวทีเรื่องนี้ก็เจอจุดน่าสนใจคือ เขาบอกว่ามันเป็นละครเวทีที่คุณต้องเดินไปกับตัวละคร แถมคุณสามารถเลือกได้ว่าคุณจะตามตัวละครตัวไหนก็ได้ แถมคุณยังสามารถคุยโต้ตอบกับตัวละครในเรื่องได้ด้วย ซึ่งจะต่างจากละครเวทีที่ผมเคยดูมาทั้งหมดที่เราเป็นเพียงผู้นั่งชมดูความเป็นไปของตัวละคร อย่างมากสุดตัวละครก็หันมาคุยกับเราแบบ Breaking the Fourth Wall (เหมือนที่ Dead pool หันมาคุยกับคุณเนี่ยแหละ) ดังนั้นผมจึงตัดสินใจซื้อบัตรไปดูละครเรื่องนี้

เริ่มเดินทาง

บัตรเข้าขม

ถ้าเป็นละครเวทีแบบที่ผมเคยดูเขาจะให้เราเข้าประตูแล้วไปจับจองที่นั่ง แต่ LUNA ไม่ใช่ครับ หลังจากคุณได้บัตรคุณจะต้องเลือกฝั่งที่จะเข้า คุณอ่านไม่ผิดครับคุณจะได้เลือกฝั่งที่เข้าโดยมี 2 ฝั่งให้คุณเลือกคือ ฝั่งเมือง กับ ฝั่งป่า และพิเศษกว่านั้นคุณสามารถได้บัตรพิเศษเพื่อใช้ในการดำเนินเรื่องที่เฉพาะคนที่มีบัตรพิเศษด้วย โดยเงื่อนไขในการได้บัตรพิเศษมาคือร่วมสมทบทุนบริจาคเข้ามูลนิธิชัยพฤกษ์ แต่ต่อไม่ให้มีบัตรพิเศษคุณก็ดูละครเวทีได้ตามปกติ จากนั้นเมื่อเลือกฝั่งเสร็จแล้ว ทีมงานจะให้เราเข้าไปในโรงละครซึ่งจะถูกจัดเป็นธีมต่างเนื้อเรื่อง

ดำเนินเรื่อง

พอคนเข้าไปในโรงละครครบเขาก็จะเริ่มแสดงคือต้องอธิบายก่อนว่าละครเวทีเรื่องนี้เขาแสดงพร้อมกันทั้ง 2 ฝั่ง ถ้ามองง่ายๆคือมันเหมือนชีวิตจริงเลย คือระหว่างที่ผมดูละครเวที เพื่อนผมก็อาจจะกำลังเตะบอลอยู่ ดังนั้นระหว่างที่ฝั่งป่าดำเนินเรื่อง ฝั่งเมืองก็ดำเนินเรื่องอยู่เช่นกัน ดังนั้นมันจึงเหมือนจริงมาก คราวนี้พอดำเนินเรื่องไปถึงจุดหนึ่งแล้วตัวละครจะเริ่มแยกไปตามเส้นทางของแต่ละตัวละคร พอถึงตรงนี้คุณจะต้องเลือกครับว่าคุณจะต้องเลือกว่าจะไปกับตัวละครไหน และแน่นอนว่าทุกตัวละครก็ดำเนินเรื่องพร้อมกัน นั่นแปลว่าถ้าคุณไปกับตัวละคร A คุณจะเห็นการดำเนินเรื่องผ่านตัวละคร A คุณจะไม่รู้เลยว่าตัวละคร B นั้นเจออะไร ซึ่งก็เหมือนกับชีวิตจริงเลยแหละครับ

คราวนี้เมื่อดำเนินไปเรื่อยๆมันจะมีจุดที่ตัวละครของทั้ง 2 ฝั่งมาเจอกันคือฝั่งป่ากับฝั่งเมือง ตรงจุดนี้เราจะเห็นความขัดแย้ง ความเกี่ยวข้องกับทั้ง 2 ฝั่ง และที่สนุกกว่านั้นคือละครเวทีเรื่องนี้อนุญาตให้เราเปลี่ยนไปตามละครที่คุณเจอระหว่างทางตรงนั้นได้เลย ประมาณว่าผมเริ่มที่ฝั่งป่า คราวนี้ผมไปเจอตัวละครฝั่งเมือง ผมสามารถเปลี่ยนไปตามตัวละครฝั่งเมืองที่ผมสนใจได้เลย

ซึ่งพออ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจจะสงสัยว่าเฮ้ยแล้วมันจะรู้เรื่อง ผมก็อยากบอกว่ามันเหมือนชีวิตจริงนั่นแหละครับ คุณไปอยู่ในเหตุการณ์ใหญ่เหตุการณ์หนึ่ง คุณเห็นเฉพาะในมุมมองของคุณ แต่สุดท้ายคุณก็สามารถเข้าใจภาพรวมได้ LUNA ก็เช่นกันครับ พอจึงจุดสรุปของเรื่องคุณจะเข้าใจภาพรวมทุกอย่างของเรื่อง เหตุผลของตัวละครหลัก ปมปัญหาทั้งหมด คุณจะเข้าใจภาพรวมตรงนี้ แต่ถ้าเป็นส่วนรายละเอียดเชิงลึกของตัวละครที่คุณไม่ได้ไปด้วยคุณจะไม่รู้

ในส่วนของการมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครนั้นจะเปิดโอกาสเป็นช่วงๆให้เราได้คุยได้ถามตัวละคร ในกรณีของผมได้เดินไปกับตัวละครยายแซน เขาเปิดโอกาสให้เราได้ถามเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอดีตของแก ทำไมแกถึงแก่ลงเร็วมากๆ ทำไมต้องปกปิดความลับบางอย่างกับ LUNA ซึ่งตัวละครก็จะตอบเราภายใต้สิ่งที่ตัวละครตัวนั้นรู้ หรือว่าง่ายๆก็เหมือนเราคุยกับคนปกตินั่นแหละครับ ถามอะไรก็ตอบเท่าที่เขารู้นั่นแหละ แต่มันก็เปิดเป็นช่วงๆนะครับแล้วมันก็มีขอบเขตคือเป็นแค่ถามตอบเท่านั้น คุณไม่สามารถถามเขาตอนที่เขากำลังดำเนินเนื้อเรื่องหลักได้ หรือคุณไม่สามารถไปขวางการต่อสู้ระหว่างคนสองคนได้

ความคิดเห็นส่วนตัว

ของที่ระลึก

ส่วนตัวผมประทับใจกับละครเวทีเรื่องนี้ที่เขาเปลี่ยนวิธีนำเสนอแบบที่ให้เรานั่งดูอย่างเดียวมาเป็นการให้เราเดินทางไปกับตัวละคร และเปิดโอกาสให้เราเลือกว่าเราจะเลือกไปกับตัวละครไหนตามแต่ที่ใจเราต้องการเลย ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นเขาก็ทำออกมาได้ดีคือเขากระจายบทและเนื้อเรื่องไปให้กับทุกตัวละครได้อย่างเพียงพอที่จะทำให้คนดูอย่างเราสามารถปะติดปะต่อเนื้อเรื่องและภาพรวมของเรื่องทั้งหมดได้ระหว่างที่เรื่องกำลังดำเนินไปได้ ในส่วนของเพลงที่ใช้ร้องก็ถือว่าทำมาได้ดีมากๆ คือเขาตั้งใจแต่งให้มันลงทำนองจังหวะเสียงสูงต่ำแถมคำก็สละสลวยด้วย ไม่ใช่แปลๆแล้วเอามาใส่ทำนอง ซึ่งบางเพลงนี่ผมอยากให้เขาอัดทำเป็น OST ขายจริงๆ ในส่วนของนักแสดงนั้นเล่นได้ดีมากๆแสดงความรู้สึกต่างๆออกมาให้เรารู้สึกเศร้า ดีใจ สงสัย โกรธ ไปกับตัวละคร

ทั้งหมดเป็นข้อดีที่ผมได้จากการไปดูละครเรื่องนี้ คราวนี้มาพูดถึงข้อเสียของเรื่องนี้บ้าง ข้อเสียอย่างแรกเลยคือถ้าคุณเป็นคนชอบดูละครหรือละครแบบเก็บรายละเอียด อยากรู้รายละเอียดทั้งหมดของทุกตัวละครเพื่อเข้าใจมุมมองต่างๆของทุกตัวละคร คุณอาจจะไม่ถูกใจละครเวทีเรื่องนี้เพราะอย่างที่ผมอธิบายไปที่ทุกตัวละครดำเนินเนื้อเรื่องไปพร้อมกัน ถ้าคุณไปกับตัวละคร A คุณจะไม่ได้ไปกับตัวละคร B และคุณจะไม่รู้รายละเอียดต่างๆของตัวละคร B เลย ซึ่งผมเป็นพวกชอบเก็บรายละเอียดอยากรู้เกี่ยวกับทุกตัวละคร ดังนั้นผมเลยรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปตอนดูจบ ข้อเสียอีกเรื่องนึงคือตัวละครฝั่งป่านั้นน้อยเกินไป คือตัวละครฝั่งป่าเนี่ยที่พูดคุยกับเราได้จริงๆเนี่ยมีประมาณ 4 คน ส่วนอีก 4 คนที่เหลือเป็นภูติซึ่งคุณคุยกับภูติได้แต่ภูติจะตอบกลับคุณเป็นภาษาภูติซึ่งคุณฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่งมันกลายเป็นว่าคุณคุยได้แค่ 4 ตัวละคร แตกต่างจากฝั่งเมืองที่ตัวละครเยอะมาก แถมเป็นตัวละครคนที่คุณอาจจะคุยด้วยได้ (ส่วนนี้ผมไม่รู้เพราะเลือกเริ่มฝั่งป่าและไม่ได้ย้ายไปฝั่งเมือง) ผมก็เลยรู้สึกว่าทางฝั่งป่านั้นดูจะมีอะไรน้อยกว่าฝั่งเมือง

โดยรวมแล้วสำหรับผม LUNA เป็นละครเวทีที่ผมแนะนำให้ลองไปดูครับ เพราะมันทำให้คุณได้รับประสบการณ์ใหม่ๆเกี่ยวกับการดูละครเวที เพลงในเรื่องก็เพราะ นักแสดงก็แสดงได้ดี ดังนั้นถ้าใครสนใจหรือลังเลอยู่ผมก็แนะนำให้ไปดูกันครับ

Link ซื้อบัตร : https://ticketmelon.com/castscape/lunathemusical

ข้อแนะนำสำหรับคนอยากไปดู

อันนี้เป็นส่วนเสริมไม่อ่านก็ได้ครับแต่เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าถ้าผมมีโอกาสได้ไปดูอีกรอบผมจะทำอะไรบ้าง

  • ถ้าคุณชอบการได้เจอตัวละครเยอะๆ หรืออยากคุยกับตัวละคร ผมแนะนำฝั่งเมืองมากกว่าฝั่งป่า
  • ถ้าตามตัวละครไหนแล้วควรตามให้สุด อย่าสลับไปสลับมา คือตอนผมไปดูเนี่ยเนื่องจากติดนิสัยอยากรู้เกี่ยวกับทุกตัวละครพอเจอตัวไหนที่สนใจเปลี่ยนไปตามคนนั้นเลย ซึ่งพอหลุดจากตัวละครที่เราตามไปแล้วยากมากที่จะกลับไปหาตัวละครนั้นอีก หรือไม่ได้เห็นจุดสำคัญของตัวละครนั้น ซึ่งผมโดนมากับตัวคือผมตามตัวละครคุณยาย แต่เกิดเปลี่ยนใจไปตามตัวละครฝั่งเมือง พอกลับมาอีกทีคุณยายก็ผ่านเหตุการณ์สำคัญมาแล้วซึ่งเหตุการณ์นั้นคืออะไรผมก็ยังไม่รู้เลย ดังนั้นผมแนะนำว่าตามตัวใดตัวหนึ่งไปเลยดีกว่าครับ

ปล. ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแม้แต่บาทเดียวกับละครเรื่องนี้ดังนั้นที่ผม Review นี่คือพูดตามเนื้อผ้าล้วนๆ จริงๆดูได้จากข้อเสียที่ผมเขียนก็ได้นะ ถ้ารับจ้างมาอวยคงไม่เขียนข้อเสีย แถมข้อเสียเป็นจุดตายด้วย