Hike News
Hike News

ความทรงจำปี 2024

ปี 2024 ที่ผ่านมา

1 ปีผ่านไปไวจริงๆ ได้กลับมาเขียนทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นของปีนี้แล้วก็รู้สึกว่าไวจังนะ และได้ความรู้สึกใหม่อีกความรู้สึกคือ มันเหมือน Loop จริงๆ ชีวิตไร้สีสัน เจ็บแบบเดิมๆ เหมือนไม่เคยเรียนรู้จากปีที่แล้วเลย

งาน

ปีนี้เป็นปีที่ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันอีกที เริ่มแรกไปทำกับทีมที่ทำ Service เรือธงของบริษัท ซึ่งหัวหน้าก็หวังจะให้เข้าไปช่วยแก้ปัญหา แต่เหมือนเอาเข้าไปเข้าไปแล้วปัญหามันกลับมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะลักษณะการทำงานคนละแบบกัน เกลียดอะไร ไม่อยากเจออะไร ก็เจอกับงานที่กำลังทำตลอด

ซึ่งเหมือนหัวหน้าจะรู้ว่าถ้าให้อยู่ต่อคงเละแน่ๆ พอดีกับมี Project ด่วนเข้ามาก็เลยโยกให้เข้าไปทำ Project นี้ ทำตอนแรกก็สนุกดีครับ แต่ตอนหลังๆมันไม่สนุกเพราะมันต้องไป Reverse engineer ระบบเก่าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเราไม่ได้รู้หมดทั้ง 100 ทำอะไรต้องเผื่อไปหมด ซึ่งเผื่อแล้วก็ไม่รู้ว่าเผื่อพอไหมรึเปล่าก็ขยายความเผื่อให้มากขึ้น ไปๆมาๆมันหลอนจนไม่กล้าเขียนอะไรเพราะกลัวเผื่อไม่พอ

สุดท้ายเหมือน Project นี้มันถูกหยุดเพราะเขาหาวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าและใช้งบประมาณน้อยกว่าได้ก็เลยหันไปใช้วิธีแก้ปัญหานั้น ก็เลยโดนย้ายไปทำงานใหม่ งานใหม่ที่ว่าคือ Data Engineer ครับ งานที่ยังหลอนๆอยู่เลยว่าตำแหน่งนี้มันทำอะไรกันแน่วะ แต่พอมาคิดดูดีๆ ทำงานมา 10 ปี เราไม่เคยมีตำแหน่งห่าอะไรอยู่แล้ว แค่ได้รับงานมา ทำให้เป็นจริงให้ได้ ใช้งานให้ได้ แค่นั้น ดังนั้นขอแค่บอกว่าอยากได้อะไร ประมาณไหน เดี๋ยวก็ไปทำด้วยเล่ห์ด้วยกลด้วยมนต์แห่งโลกเสมือนทำให้มันออกมาให้ได้ ซึ่ง Project นี้ทำให้ได้เปิดโลกมาก ได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับ Hadoop และพี่น้องพ้องเพื่อนของมัน ซึ่งก็ถือว่าสนุกดีได้เรียนรู้ ได้จมอยู่กับปัญหาและปวดหัวเพราะถามใครไม่ได้เลย Chat GPT ก็ตอบไม่ได้ คิดว่าปี 2025 อีกหลายเดือนน่าจะต้องจมอยู่กับมันเนี่ยแหละ ถ้าโชคดีจบได้ ได้ขึ้น PROD ก็จะเป็นอีกหนึ่งงานที่ภูมิใจ

ดูหนัง

เนื่องจากปี 2023 ซื้อบัตร Mpass รายปีมา ทำให้ปี 2024 ได้ดูหนังตามสิทธิ์ที่ได้เกือบครึ่งปี ซึ่งบอกเลยว่าดูเอาคุ้มจริงๆ ดูแบบสัปดาห์ละ 3 - 4 เรื่อง คือทุกวันเสาร์ไม่ก็อาทิตย์จะไปดูหนังตั้งแต่รอบแรกดูจนครบทุกเรื่องที่มีฉายและเรื่องไม่ซ้ำที่เคยดูแล้ว ( Mpass ดูหนังซ้ำไม่ได้) ซึ่งเมื่อบัตร Mpass หมดอายุก็มานั่งดูว่าดูหนังไปกี่เรื่อง สรุปแล้วดูหนังไปทั้งหมด 112 เรื่อง ซึ่งถ้าคิดว่าค่าดูหนังเรื่องละ 100 บาท คำนวณแล้วจะเป็นเงิน 11,200 บาท แต่เมื่อคุณใช้ Mpass 1 ปีจะเสียเงินแค่ 3,600 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มจัดๆเลย แต่พอหมดอายุก็ไม่ได้ต่อเพราะคิดว่าน่าจะพอละ เราดูหนังมาเยอะมาก เยอะกว่าใช้เวลาทั้งชีวิตดูอีก เลยคิดว่าพักไปหาอย่างอื่นทำบ้าง

ใครสนใจอยากรู้ว่าผมดูหนังเรื่องอะไรบ้าง ความรู้สึกเป็นยังไง สามารถดูได้ที่ Playlist : Youtube นี้

ช่อง Youtube

ปีนี้เริ่มทำช่องแบบจริงจังมากขึ้น ทำคลิปสอนเขียน Spring boot กับเรื่อง Security ก็ต้องบอกว่าได้ผู้ติดตามเพิ่มมาเยอะระดับหนึ่งเลย แต่ก็น้อยกว่าที่ตั้งใจไว้มาก ซึ่งถามว่ารู้สึก Fail ไหมก็บอกว่า Fail ครับ แต่ถามว่าดีใจที่ได้ทำไหมก็ต้องบอกว่าดีใจ เพราะทุกครั้งที่เห็นคนมาโพสต์ขอบคุณ เราก็รู้สึกดีใจที่คลิปที่เราทำนั้นมีประโยชน์กับคนอื่น เราทำสิ่งมีค่าให้สังคมแม้จะเป็นสังคมหลักสิบก็ตาม

ปี 2025 ก็กะจะทำช่องต่อ แต่คงไม่หวังแบบที่เคยฝันแล้ว คงจะเป็นคลิปให้ความรู้ คลิปเล่นเกมส์ธรรมดาธรรมดาทั่วไป เก็บไว้กลับมาดูตอนแก่ว่าช่วงชีวิตหนึ่งเราเคยสอนเขียนโปรแกรมแบบนี้นะ เคยเล่นเกมส์นี้นะ

ความรัก

ปีนี้เป็นปีที่หาเรื่องเจ็บตัวเพราะความรักโดยแท้ แต่ก็มีดีและไม่ดี (แต่ไม่ดีมันเยอะกว่า แถมมันยังเจ็บอยู่ในขณะที่เขียนอยู่)

ตอนปี 2023 แอบชอบน้องผู้หญิงคนนึงที่ทำงาน ดูเขาเป็นผู้หญิงที่น่ารักแต่ก็มีความแมนอยู่ในตัว ดูแล้วรู้สึกว่าน้องเขาน่าค้นหาดี แต่ในตอนนั้นก็คิดว่ายังไงก็จีบไม่ติด น้องเขาแบบดูสูงส่งมากๆทั้งกริยา มารยาท การแต่งตัว การวางตัว การทำงาน เทียบกับคนโผงผาง ไม่มีเสน่ห์ แต่งตัวไม่เป็น ดูยังไงก็ไปไม่รอด อย่าไปทำให้เขาไม่สบายใจ รำคาญ และเสียความรู้สึกเลยดีกว่า ก็เลยหยุดไป

แต่หลังจากนั้นไม่นานได้อ่านหนังสือปรัชญาเล่มนึง พูดถึงสิ่งที่ควบคุมได้ สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เราแค่ต้องทำสิ่งที่เราควบคุมได้ ส่วนสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ก็ปล่อยมันไป ก็เลยเอาวะ ลองดู ก็เลยทำสิ่งที่ดูเหมือนจีบน้องเขา แต่อย่างว่าคนที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับการเรียนการทำงาน ไม่เคยเรียนรู้ศิลปะการใช้ชีวิต ผลลัพธ์ออกมาน่าจะไม่สวยอยู่แล้ว ซึ่งสุดท้ายก็คงจะเดาได้ว่าจีบไม่ติดครับ และที่สำคัญน้องเขาย้ายไปทำบริษัทอื่นด้วยก็เลยเป็นอันจบไป แต่สิ่งหนึ่งที่ดีใจคือ น้องคนนี้เขายังคุยด้วย ในวันที่บอกชอบเขาผ่านวิธีการบ้าๆบอๆที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกัน (คนอื่นเขาบอกชอบกันต่อหน้า แต่เราให้เป็น Web ที่มีแค่เขาคนเดียวที่เข้าได้) น้องเขาส่งภาพพร้อมข้อความกลับมาให้ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่มีให้ เขาขอบคุณถึงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อวยพรให้เจอคนที่ใช่ไวๆนะ ( ข้อความมันคุ้นๆไหม นางเอกของผมอีกคนก็บอกประมาณนี้ นางเอกเขาตอบแบบนี้กันทุกคนเลยสินะ เสียดายที่เราเป็นแค่ตัวประกอบไม่เป็นพระเอก) หลังจากนั้นมีความพยายามจะจีบต่อ แต่ดูเหมือนมันรบกวนน้องเขาเกินไปก็เลยหยุดดีกว่า เพราะไม่อยากให้ภาพความทรงจำดีๆที่มีกลายเป็นผู้ชายบ้าๆที่ตื้อไม่รู้จักคำว่าพอ (อีกอย่างที่ดีใจคือได้ถ่ายรูปคู่กับน้องเขาด้วยนะ ทุกวันนี้ยังเอาเป็นรูปหน้าจอมือถืออยู่เลย)

ทุกอย่างเหมือนจบลงอย่างสวยงาม เราควรเก็บความทรงจำดีๆนี้ไว้ อย่าให้อะไรมันมาเขียนทับ แต่ใจคนมันโหยหาสิ่งดีกว่า เคยพอใจอะไรก็อยากมีมากกว่า ก็เลยวิ่งหาความรักต่อ และมันดันวิ่งไปหาคนเก่า คนที่คิดว่าจะไม่จีบอีกแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อได้คุยเล่นๆด้วยก็อยากจีบอีก ซึ่งก็ทำให้ได้เจอสิ่งที่เกลียดที่สุดคือ “การไม่ตอบ” ใช่ครับ สิ่งที่เกลียดเป็นคนอันดับต้นๆคือการเงียบหาย บางคนบอกว่ามันดีที่สุดแล้ว แต่สำหรับผมมันแย่มาก แค่เราพูดบอกกัน แม้จะบอกว่าไม่ชอบ หรือบอกให้พอ ยังดีกว่าปล่อยให้เรารอ รอโดยไม่รู้คำตอบ แล้วมันเจ็บกว่าตรง มารู้ว่าเขาไม่โอเคที่จะคุยด้วย ซึ่งเขาไม่ได้บอกตรงๆ ถามว่าเข้าใจเขาไหม ก็บอกเลยว่าเข้าใจครับ และไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเขาด้วย เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่ไม่รู้ทำไมมันรู้สึกโกรธ โกรธแบบ เราก็คนเคยคุยกันนะ แค่บอกกันตรงๆมันยากอะไร คิดว่าเรามันแย่ขนาดนั้นเลย คิดว่าเราจะไม่ยอมรับความจริงเหรอ คิดว่าเราจะไม่สนใจเธอเหรอ ถ้าเธอว่าไม่ชอบคิดว่าเราจะทำต่อเหรอ พูดแล้วก็เสียใจ แต่มันจบไปแล้ว ผมคิดว่าจากนี้เราเป็นแค่คนเคยรู้จักกันเลยดีกว่า ถ้าไม่เจอกันจริงๆคงไม่ต้องคุยกันหรอก เอาเป็นเราเจอกันอีกทีตอนงานแต่งของเพื่อนสักคนที่เราทั้งคู่รู้จักดีกว่า แบบนั้นน่าจะดีกับทั้งสองฝ่าย

สุดท้ายก็ไปชอบน้องผู้หญิงคนนึงน่ารักมากๆ เริ่มจีบแล้วนะ แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมารู้สึกหนื่อยกับเรื่องพวกนี้แล้ว เหนื่อยที่จะต้องมานั่งเดาใจ รู้สึกว่าการควบคุมตัวเองให้รู้สึกเฉยๆกับการมีคู่มันง่ายกว่าการพยายามคิดว่าจะทำแบบไหนเขาถึงจะมีความสุข

แต่ใครจะไปรู้อนาคตล่ะ ไม่แน่ปี 2025 อาจจะหน้ามืดตามัวหรือตาสว่างไปจีบสาวหาเรื่องเจ็บตัวอีกก็ได้

กิจกรรมใหม่

ปีนี้ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เปิดหูเปิดตา ออกจากกรอบที่ขีดให้ตัวเองเยอะขึ้น รู้สึกเหมือนตัวละครในนิยายที่ออกจากกรอบที่ตัวเองคิดวิ่งไปในโลกความจริง ให้โลกความจริงได้สอนสั่งว่าสิ่งที่เขียนไว้จริงหรือไม่ จริงในแง่ไหน ไม่จริงในแง่ไหน ถือว่าเป็นการลองอะไรใหม่ๆที่สนุกดี

มีอีกหลายเรื่อง

มีอีกหลายเรื่องที่อยากเขียน แต่เดี๋ยวมันจะเป็นไดอารี่กับปล่อยให้มันหายไปกับเวลาดีกว่า

ปี 2025 ทำอะไรดีล่ะ

ปีที่แล้ววางแผนไว้อย่างดิบดีจะทำโน่นทำนี่ สุดท้ายเละไปหมด ส่วนปีนี้เหรอเอาแค่ออกกำลังกายให้รอดก็น่าจะพอละ เรื่องอื่นปล่อยไปตามเหตุกาณ์ ณ เวลานั้นพาไปละกัน

สุดท้ายนี้ขอจบด้วยเพลงนี้ เพลงเดิมเหมือนปีที่แล้ว

Nobody knows

เพลงที่ฟังในปีนี้

พบรัก

ชีวิตเธอดีอยู่แล้ว

พื้นที่ว่าง

อิฐจะเอา NTR

จัดฉาก

APT. x อะนันตะปัดชะเย

เจ็บจนไม่เข้าใจ

ไม่เคย