Baifern - 2whist

Baifern - 2whist

Baifern - 2whist

น้องคนนี้น่ารักจัง

นี่คงเป็นความรู้สึกแรกที่ได้เห็น MV เพลง My Inspiration คือน้องน่ารักมากๆ ดูสดใสมากๆเลย ซึ่งหลังจากนั้นก็ติดตามผลงานของน้องแบบห่างๆมาตลอด จริงๆผมก็ติดตามเกือบทุกวงจากค่าย SETL Entertainment ซึ่งเพลงของค่ายนี้นั้นมีเหตุผลมีที่มาเกือบทุกเพลง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่มันไม่ค่อยดังสักเท่าไหร่ โดยส่วนตัวผมว่าเพลงมันดีมากดีเหนือวงหลายๆวงเลยทีเดียว แต่อย่างว่าแหละครับบนโลกนี้ของดี เพลงดี มันอาจจะไม่ดังในเวลานั้นก็ได้ เพลงหน้าบีบางเพลงกว่าจะดังต้องใช้เวลานานมากๆ บางเพลงนักร้องหายไปแล้วพึ่งมาดังก็มี

ดูการแสดงครั้งแรก

ผมได้ไปดูการแสดงของน้องครั้งแรกเมื่อปลายปี 2021 ที่ Union mall ซึ่งวันนั้นมีศิลปินค่าย SETL Entertainment มาหลายวงเลยทั้ง XLN, AWA, 2Whist, LoliLoli ซึ่งผมตั้งใจไปดู LoliLoli เพราะเป็นการแสดง 2 ครั้งสุดท้ายของวง LoliLoli แล้ว

ในงานวันนั้นน้องใบเฟิร์นกับน้องอลิสมาแสดงหลายเพลงเลยซึ่งร้องเต้นกันสดๆเลยคือบอกเลยว่าถ้าคุณไปงานพวกไอดอลเนี่ยคุณไม่ค่อยเจอหรอกครับการร้องสด ส่วนใหญ่จะเปิดเพลงแล้วลิปซิ้งค์เอา ซึ่งบอกเลยว่าเราเห็นความพยายามของน้องเขาผ่านการแสดงเลย

คุยกันครั้งแรก

หลังจากงานตอนสิ้นปีผมก็ได้ติดตามวงมาตลอดหวังว่า เอ้อเดี๋ยววันไหนว่างๆจัดงานที่เดินทางง่ายๆเนี่ยเดี่ยวเราจะไปดูแต่กลายเป็นว่าแต่ละงานที่วง 2Whist ไปเนี่ยอยู่ไกลมาก บางที่นี่ผมไม่รู้จักเลย พอมีงานใกล้ๆหน่อยก็ดันไม่ว่างไปอีก (ผมทำ Mega project ให้บริษัทแล้วตอนนั้นคนในบริษัทลาออกกันรัวๆเลย) จนได้มีโอกาสได้ไปดูน้องอีกครั้งที่ seacon square ซึ่งครั้งนี้ได้มีโอกาสได้คุยกับน้อง (งานก่อนๆนี่คือไม่มีโอกาสได้คุยเลย) ซึ่งน้องน่ารักชวนคุยเก่ง ตอนนั้นก็คุยกันประมาณว่า เนี่ยพี่ฟังเพลงวงเรามาตลอดเลยนะ เห็นเราตั้งแต่เป็น Trainee ในค่ายเลยนะ แล้วก็บอกน้องว่าเดี๋ยวงานหน้าพี่มาดูอีกนะ

เวลาการเป็นไอดอลมันสั้น

ประโยคนี้เพื่อนผมที่ตามไอดอลเคยบอกผมไว้เพื่อเตือนผมว่าอยากจะทำอะไรให้รีบทำนะ ซึ่งจริงๆผมมีบทเรียนกับไอดอลญี่ปุ่นที่ผมชอบคนนึงมาแล้วที่มัวแต่คิดเยอะไม่ทำอะไรที่อยากทำจนสุดท้ายน้องที่ชอบมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทำให้ต้องกลับญี่ปุ่น หรือน้องวง Melt mallow บางคนที่ไม่มีโอกาสได้คุยในกันจนวันสุดท้าย ซึ่งเหมือนผมมันเป็นพวกไม่เรียนรู้จากบทเรียนในอดีตเพราะหลังจากเจอน้องครั้งแรกได้ไม่นาน น้องก็หมดสัญญากับทางค่ายและจัด State อำลาวันที่ 25 กันยายน 2565 คือจังหวะนั้นมันรู้สึกเสียดายมากๆแบบ ทำไมวะ ทำไมเราไม่ไปงานที่อยู่ไกลๆ (จริงๆถ้าเราพยายามเราไปถูกแน่นอน) ทำไมเราไม่แบ่งเวลางานดีๆแล้วไปเจอน้องล่ะ จนถึงตอนที่เขียนอยู่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายนะ เสียดายที่ไม่ได้สนับสนุนน้องและวงมากกว่านี้

Baifern Graduation Stage

งานในวันนั้นเป็นงานเล็กๆแต่เป็นงานเล็กๆที่ดีมากๆซึ่งในงานทางวงก็แสดงเพลงของวงและค่ายตั้งแต่เพลงใหม่เพลง Soudane เพลง เป็ด เพลง Sigh จากนั้นก็เป็นการแสดงเดี่ยวของแต่ละคนซึ่งปิดท้ายด้วยน้องใบเฟิร์นที่ร้องเพลง ファンサ(Fansa) คือผมก็เคยฟังเพลงนี้เวอร์ชันญี่ปุ่นมาบ้างแต่ก็ไม่ได้ซึ้งอะไรมาก แต่รอบนี้ได้ฟังเวอร์ชันภาษาไทยแล้วแบบมันเข้ากับงานมากแบบมันคือความรู้สึกของน้องจริงๆแล้วมันส่งถึงเราคือเกือบร้องไห้ในงานจริงๆนะ (ตอนเขียนกลับไปดูคลิปย้อนหลังนี่ก็จะน้ำตาจะไหล) สุดท้ายจบด้วยเพลง My Inspiration เป็นอันจบการแสดง

ต่อมาเป็นช่วงเวลาเชกิซึ่งเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้สนับสนุนน้องเป็นครั้งสุดท้ายก็เลยซื้อเชกิไปเลย 10 ใบ (เป็นการซื้อที่เยอะที่สุดต้ังแต่เคยเชกิมา) ซึ่งพอถ่ายเสร็จก็ได้คุยกับน้องตอนงานเลิกว่าจะไปทำอะไรต่อ น้องก็บอกว่ายังไม่รู้เลยมีอะไรอยากทำเต็มไปหมด อยากทำช่อง Youtube อยากทำอาหาร อยากขายของออนไลน์ อยากทำอะไรอีกหลายอย่าง แต่น้องบอกว่าน้องได้ทำฝันอย่างหนึ่งสำเร็จแล้วคือการได้มาเป็นศิลปินได้มาร้องเพลงให้ผู้ชมดู น้องบอกว่ามันเหมือนผ่านไปไม่นานทั้งๆที่ 3 ปี จากนั้นก็คุยกันไปเรื่อยๆ ผมก็คุยกับน้องว่าเคยเห็นน้องตั้งแต่งาน Melt mallow laststate แล้วน้องก็ว่าหนูก็เคยเจอพี่ พี่ที่หนูเขียนชื่อผิดไง วันนั้นหนูเฟลมากเลยนะที่เขียนชื่อพี่ผิดคนเดียวทั้งงาน ผมนี่แบบเออจริงด้วยวันนั้นมีน้องเขียนชื่อเราผิดน้องใบเฟิร์นนี่เอง ฮ่าๆๆๆ จากนั้นก็คุยไปเรื่อยเปื่อยเรื่องทำอาหารต่างๆนาๆ น้องเรียนอะไร สุดท้ายก่อนหมดเวลาก็เลยเอาของขวัญยื่นให้น้อง ซึ่งมันคือหนังสือสองเล่ม เล่มหนึ่งเพื่อเตือนให้น้องเขานึกถึงความคิดแบบเด็กความคิดที่อาจจะลืมเลือนหายไปเมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่ ส่วนอีกเล่มคือหนังสือที่พูดถึงความเป็นผู้ใหญ่เรื่องที่น้องจะต้องเจอในอนาคตก็เลยอยากจะให้น้องเตรียมไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ก็ไม่รู้ว่าน้องจะได้อ่านมันไหมนะแต่ถ้าน้องได้อ่านก็คงจะมีประโยชน์กับน้อง

จะว่าไปพอได้คุยกับน้องเนี่ยรู้สึกเหมือนตอนเจอนิโกะเลย คือรู้สึกได้ถึงความน่ารักสดใส และก็เข้าได้เลยว่าทำไมใครๆก็ต่างเอ็นดูน้องใบเฟิร์น สุดท้ายก็หวังว่าน้องใบเฟิร์นจะได้ทำตามฝันที่น้องเขาฝันไว้ ซึ่งผมก็คิดว่าระดับน้องใบเฟิร์นแล้วยังไงก็สำเร็จแน่นอน

กลับสู่โลกแห่งความจริง

ผมพูดเสมอว่าการมาดูงานอะไรพวกนี้มันเหมือนการไปท่องเที่ยวหลีกหนีจากงาน งานที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความไม่ลงตัว ปัญหาที่ผมจะต้องไปใช้ความรู้ความสามารถจัดการปัญหาเหล่านั้นให้มันผ่านไปได้ ซึ่งมันสนุกในช่วงแรกแต่หลังๆมันเหมือนคุณต้องไปเจอปัญหานี้อีกแล้วๆ วนไปวนมาเหมือน For loop ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากๆ ระหว่างทางก็นึกเสียดายหลายๆเรื่องในชีวิตที่ตัดสินใจที่ไม่ทำ พอถึงบ้านก็เห็นน้องอัพ story เปิดของขวัญที่เราให้ซึ่งน้องบอกว่าชอบของขวัญที่เราให้ ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมากเพราะน้อยครั้งมากๆที่จะมีคนบอกชอบของขวัญที่เราให้